เทศนา บรรยายธรรม





วันอาทิตย์ที่  2 กันยนยน  2012
แบ่งปันพระพร อาจารย์ ดร.ทะนุ วงศ์ธนาธิกุล
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   กิจการ 10:1-4
10:1 ยังมีชายคนหนึ่งชื่อโครเนลิอัส อาศัยอยู่ในเมืองซีซารียา เป็นนายร้อยอยู่ในกองทหารที่เรียกว่ากองอิตาเลีย10:2 เป็นคนมีศรัทธามาก คือท่านและทั้งครอบครัวเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ท่านเคยให้ทานมากมายแก่ประชาชน และอธิษฐานต่อพระเจ้าเสมอ10:3 เวลาประมาณบ่ายสามโมงนายร้อยนั้นเห็นนิมิตแจ่มกระจ่าง คือเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้า เข้ามาหาท่านและกล่าวแก่ท่านว่า "โครเนลิอัสเอ๋ย"10:4 และเมื่อโครเนลิอัสเขม้นดูทูตสวรรค์องค์นั้นด้วยความตกใจกลัว จึงถามว่า "นี่เป็นประการใด พระองค์เจ้าข้า" ทูตสวรรค์จึงตอบท่านว่า "คำอธิษฐานและทานของท่านนั้น ได้ขึ้นไปเป็นที่ระลึกถึงจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าแล้ว
คำนำ
โครเนลิอัส เป็นคนต่างชาติ เรียกกันว่าเป็นคนนอกรีก เพราะคนต่างชาติกราบไหว้รูปเคารพและมีพระหลายองค์  คนยิวถือว่าเป็นคนมลทินทำให้คนยิวไม่อยากคบค้าสมาคมด้วย คนยิวมีข้อห้ามหลายอย่าง เช่น ห้ามกินปลาดุก มีรอบเดือนเป็นมลทิน  ฯลฯ คนต่างชาติเป็นมลทินเปรียบเสมือนสุนัขในเวลานั้น  สำหรับพระเจ้าแล้วพระองค์ไม่เคยแบ่งชนชาติกับผู้ใด และทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน พระองค์ทรงทำเพื่อทุกคนเพื่อได้รับความรอด จึงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ความบาปได้รับการอภัย เพียงแค่เชื่อวางใจ
ประการที่ 1 ข้อ2 ทั้งเขาและครอบครัวต่างก็เคารพยำเกรงพระเจ้า  
มนุษย์ไม่สามารถยำเกรงพระเจ้าได้ ถ้าเขาไม่รู้จักพระเจ้า พระเจ้าสร้างเราด้วยความรักของพระองค์ ทรงไถ่มนุษย์บนไม้กางเขน เพื่อเรากลับคืนดีกับพระเจ้า  และให้สิทธิการเป็นบุตรกับมนุษย์ทุกคนที่เชื่อ ความยำเกรงพระเจ้าเป็นบ่อเกิดของปัญญา ชีวิตในแต่ละวันเราต้องการปัญญา พระเจ้าจะประทานปัญญาให้เราเผชิญกับสิ่งต่างๆได้  ถ้าเรามีปัญญาจากพระเจ้า เราจะมีหัวใจที่เมตตาเหมือนพระองค์
ประการที่  2 ความเมตตา
พระองค์ทรงมีพระทัยที่เมตตาต่อมนุษย์ทุกคน โดยความรักจึงมาตายบนไม้กางเขน ซึ่งเช่นเดียวโครเนลิอัส มีหัวใจที่ยำเกรงพระเจ้า จึงทำให้เขามีหัวใจที่เมตตาต่อผู้อื่นด้วย ท่านเคยให้ทานมากมายแก่ประชาชน
ประการที่ 3 โครเนลิอัส เป็นคนมีศรัทธามาก คือท่านและทั้งครอบครัวเป็นคนยำเกรงพระเจ้า ท่านเคยให้ทานมากมายแก่ประชาชน และอธิษฐานต่อพระเจ้าเสมอ
โครเนลิอัส เป็นผู้ที่มีความเชื่อและยำเกรงพระเจ้า ความยำเกรงพระเจ้าเป็นบ่อเกิดของปัญญาท่านได้อธานต่อพระเจ้าอยู่เสมอ เช่นเดียวกับชีวิตของเราให้เราติดสนิทกับพระเจ้าไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดก็ตามให้เราเรียนรู้ต่อพระองค์
การอธิษฐานต่อพระองค์ พระเจ้าเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ ที่ตายแทนเราได้ ให้เราหันกลับมาหาพระองค์ ให้หันจากบาป เพราะถ้าเราขาดจากพระเจ้าเราทำอะไรไม่ได้เลย ให้เรามีชีวิตติดสนิทและอธิษฐานต่อพระเจ้าเพราะพระองค์ไม่จำกัดเวลาเรา ในการทูลขอของเรา


วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม  2012
แบ่งปันพระพร ศจ.ชูชาติ  ยะเกษม
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   กิจการ 1:8
คำนำ
  แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราทั้งในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"
เราได้รับฤทธิ์เดชและพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งแต่เมื่อเรารับเชื่อในพระเจ้าและพระ องค์ทรงประทับอยู่ในเรา  เราจะพยานฝ่ายเราทั้งในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"
ประการที่ 1 เยรูซาเล็ม
                เป็นพยานฝ่ายเราเริ่มต้นจากกรุงเยรูซาเล็มเพราะพระเยซูอยู่ที่กรุงเยรู ซาเล็ม หมายถึงเราต้องเป็นพยานให้กับคนในครอบครัวก่อน ชีวิตของเราต้องมีการสำแดงให้คนในครอบครัวเห็นพระลักษณะพระเยซูคริสต์ในชีวิตของเรา 2คร. 5:17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆก็ล่วงไป ดูเถิด สิ่งสารพัดกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” ปฐมกาล 6: 7-16 พระเจ้าตรัสว่าโนอาห์เป็นคนชอบธรรมและดีรอบคอบในสมัยของท่านและโนอาห์ดำเนินกับพระเจ้า พระเจ้าให้โนอาร์สร้างนาวาและโนอาห์ทำตามที่พระเจ้าบอกทุกประการ ขณะที่โนอาห์สร้างนาวามีคนดูถูกเยาะเย้ย แต่โนอาห์ไม่สนใจใคร ทำตามที่พระเจ้าบอก พระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า "เจ้าและครอบครัวทั้งหมดจงเข้าไปในนาวาและนำสัตว์เป็นคู่ๆ ทำให้คนในครอบครัวได้รับชีวิตรอด  เราต้อประกาศข่าวประเสริฐคนในครอบครัวก็ได้รับความรอด และสันติสุขในพระเจ้า
ประการที่ 2 แควันยูเดีย
แคว้นยูเดียว หมายถึง คนที่เป็นญาติของเรา  อพยพ13 ในช่วงเวลาที่อิสราเอลตกเป็นทาสในอียีปต์ ชาวอิสราเอลมีลูกดกทวีคุณ ฟาโรห์จึงเริ่มรู้สึกหวาดกลัวดังนั้นจึงสั่งทหารให้ฆ่าเด็กทารกทิ้งให้หมด แม่โมเสสไม่เชื่อฟาโรห์แต่เชื่อฟังและยำเกรงพระเจ้าได้เก็บลูกไว้ 3 เดือนและเก็บต่อไปไม่ได้แล้ว จึงถักต้นกกเป็นตะกร้าใส่ลูกลงไปลอยไปตามแม่น้ำ ขณะนั้นพระธิดาของฟาโรห์เห็นจึงเก็บเอาเป็นลูก พระเจ้าได้เตรียมแม่มาเป็นแม่นมให้โมเสส แม่เคยพยายามอบรมรมสั่งสอนในทางของพระเจ้า  เติบโตขึ้นขณะที่โมเสสเห็นคนทำร้ายคนอิสราเอลจึงได้ฆ่า ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ได้ไปถึงหูฟาโรห์ ดังนั้นโมเสสได้หนีไปจากอียิปต์ไปเป็น
คนเลี้ยงแกะ 40 ปี พระเจ้าเรียกให้โมเสสกลับไปอียีปต์ โมเสสปฏิเสธพระเจ้าให้พระเจ้าใช้คนอื่นไปเถิด ได้ตรัสกับพระเจ้าว่าพูดไม่เก่ง เป็นเด็กพูดไม่ได้ พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่าใครสร้างเจ้า พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะสถิตกับโมเสส เพื่อไปปลดปล่อยชาวอิสราเอลออกจาความบาป  และในเวลานี้ยังมีญาติที่ยังไม่เชื่อพระเจ้า ให้เราประกาศให้เขามาพระเจ้า
ประการที่ 3 แคว้นสะมาเรียน
สะมาเรีย หมายถึง ทุกคนยังไม่เชื่อพระเจ้า ไม่ว่า เหนือ ใต้ ออก ตก ที่ยังไม่มีโอกาสได้ยินพระกิตติคุณของพระเจ้า  และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า "เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนพวกเรา" แล้วข้าพเจ้าทูลว่า "ข้าพระองค์นี่พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด"อิสยาห์ 6:8  เวลานี้หลายคนกำลังจะพินาศและใครจะไปบอกเขาให้เราบอกกับพระองค์ว่า ข้าพระองค์นี่พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด การประกาศไม่ใช้งานคนใดคนหนึ่งแต่เป็นงานของเราทุกคน หากเราไม่รับใช้ มารซาตานจะทำหน้าที่แทนเรานำคนของเราไปยังบึงไฟนรก
ประการที่ 4 จนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก
จนสุดปลายแผ่นดินโลก หมายถึง พระกิตติคุณของพระเจ้า  อ.เปาโลเป็นแบบอย่างให้เราในการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า  อ.เปาโลเคยเป็นคนที่ข่มเหงพระเจ้า  ท่านกลับใจใหม่ อ.เปาโลไปประกาศทั่วสุดปลายแผ่นดินโลก เราอย่าสงสัยในพระเจ้า ว่าพระองค์คือผู้ใดถ้าเราสงสัยเราจะรับใช้พระเจ้าได้ ให้เราเชื่อว่าเรากำลังรับใช้พระผู้ช่วยให้รอดเพื่อช่วยให้คนได้พ้นจากความผิดบาป พระเจ้าทรงตรัสว่าท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านจะไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านอยู่ถาวร เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม  2012
แบ่งปันพระพร พญ.กาญจนา คงสืบชาติ
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   สุภาษิต 17:17
มิตรสหายก็มีความรักอยู่ทุกเวลา และพี่น้องก็เกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก ... ในพระวจนะคำของพระเจ้าคอยสอนเราให้เรามีหัวใจเหมือนพระองค์ ซึ่งเป็นความรักที่ไม่มีข้อแม้ ไม่เลือกหน้าผู้ใด พระองค์ต้องการมาช่วยมนุษย์ที่เป็นคนบาป พระองค์ไม่ต้องการให้มนุษย์ต้องพินาศ ขณะที่พระองค์อยู่ในโลกนี้ พระองค์ประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า และพระองค์ทรงเป็นตัวแทนให้เราทั้งหลายได้กลับคืนดีกับพระเจ้า และกลับไปอยู่กับพระเจ้าที่บนสวรรค์ พระเยซูได้กล่าวกับเราอีกว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา"    พระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเราแล้วข้าพเจ้าทูลว่า ข้าพระองค์อยู่นี่ พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด อิสยาห์ 6:8  มีวิธีการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้ามีหลายรูปแบบ เช่น องค์กรฉันทมิตร
องค์กรฉันทมิตรที่ได้เห็นถึงความต้องการผู้ป่วยฯ และบุตรหลานทั้งในด้านร่างกาย, จิตใจและจิตวิญญาณ จึงพยายามตอบสนองความต้องการเหล่านี้  นิมิตการทำงานคือเพื่อนแท้กับผู้ป่วยโรคเรื้อนและครอบครัว โดยการช่วยเหลือให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีความเสมอภาคทางสังคม และดำรงชีวิตอย่างมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจและจิตวิญญาณ
- ด้านร่างกาย ให้ความช่วยเหลือทางด้านสุขภาพฝ่ายร่างกาย โดยให้อวัยวะเทียมแก่ผู้ป่วยที่พิการ แขน ขา การผ่าตัดรักษาอวัยวะบางส่วน ในรายที่ยังสามารถรักษาให้เป็นปกติได้โดยประสานความร่วมมือกับอาสาสมัครชาวต่างชาติที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น สนับสนุนโดยมูลนิธิโคเซนชาแห่งประเทศญี่ปุ่น ให้มีแพทย์มาทำการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยในประเทศไทยเป็นครั้งคราว มีพยาบาลอาสาสมัครมาประจำที่สถานพยาบาลโนนสมบูรณ์ จ.ขอนแก่น
ด้านจิตใจ เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ ผู้ป่วยมักได้รับความทุกข์ทรมานทางด้านจิตใจไม่น้อยไปกว่าด้านร่างกาย องค์การฉันทมิตร มีผู้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลาขององค์การฯ ในตำแหน่งศิษยาภิบาลคริสตจักรอยู่ประจำในนิคมโรคเรื้อน 8 แห่ง เพื่อเป็นเพื่อนคอยเลี้ยงดู หนุนใจผู้ป่วยในนิคมฯ นอกจากนี้ยังได้ให้มีการอบรมอาสาสมัครที่เป็นผุ้ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อน มีภาระใจในการไปประกาศ
เยี่ยมเยี่ยน หนุนใจผู้ป่วยด้วยกันในโครงการ ฉันทมิตรสัญจร หรือกลุ่มธรรมฆารวาส จำนวน 15 คน อยู่ระยะหนึ่ง เป็นเวลา 4 ปี เนื่องจากผู้ป่วยอายุมากขึ้น ร่างกายทรุดโทรมจึงได้หยุดไป
- ด้านจิตวิญญาณ จากการเป็นเพื่อนแท้และรับใช้พระเจ้าด้วยความรักที่มีต่อผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อนของเจ้าหน้าที่ในองค์การฯ ให้ความช่วยเหลือในด้านร่างกาย และจิตใจนั้นทำให้ผู้ป่วยฯได้สัมผัสความรักของพระเจ้า และตัดสินใจติด ตามพระเยชูคริสต์ เมื่อมีผู้เชื่อในนิคมฯ ใดมากพอที่จะตั้งเป็นศาลาธรรมหรือคริสตจักรได้ ทางองค์การฯ ก็จะสนับสนุนในการก่อสร้างอาคารคริสตจักร และให้มีผู้รับใช้พระเจ้าเต็มเวลาในตำแหน่งศิษยาภิบาลคริสตจักรขึ้นที่นั่น ทุกๆ ปีๆ ละ 1 ครั้ง ก็จะจัดให้มี ค่ายฉันทมิตร ซึ่งเป็นค่ายใหญ่รวมผู้เชื่อและผู้สน ใจในทุกนิคมฯ ให้ได้รับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตในทางธรรมและพัฒนาจิตวิญญาณของผู้เชื่อให้ เข้มแข็ง ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยฯ ที่ตั้งตาคอย ที่จะได้ร่วมสามัคคีธรรมร่วมกับพี่น้องคริสเตียนที่เป็นผู้ป่วยจากนิคมต่างๆ ช่วยให้สมาชิกนิคมต่างๆ ได้รู้จักกันทั่วประเทศ นอกจากนั้นในค่ายยังมีโอกาสเรียนรู้การดูแลตนเอง การเล่นเกมส์ ในค่ายนี้เองผู้ป่วยได้เรียนรู้จักความรักและความเสียสละ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยรู้จักการให้และมีความต้องการส่งต่อความรักให้ ผู้อื่นด้วย
ทุกวันนี้ พระเจ้ายังคงเรียกเราทั้งหลายให้เป็นทูตของพระองค์ ให้เรารับใช้พระองค์ อาจจะใกล้ๆบ้าน หรือในดินแดนที่ห่างไกล เราต้องถามตัวเองว่า เราจะตอบสนองการทรงเรียกของพระองค์อย่างไร ? ขอพระเจ้าประทานความกล้าหาญให้เราพูดว่า ข้าพระองค์อยู่นี่ พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด
จงทำงานที่พระเจ้ามอบหมายให้ ด้วยเต็มใจชื่นบานในงานนั้น
เมื่อทรงเรียกตอบสนองอย่างทันควัน  ขอโปรดใช้ตัวข้านั้นตามพระทัย
คนที่พระเจ้าเรียก พระองค์เตรียม คนที่พระองค์เตรียม พระองค์ใช้


วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม  2012
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์ ปราชญา  วิสุทธิยาห์
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   มัทธิว 6:9-13
ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์   ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ในสวรรค์เป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลกขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้และขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้นและขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลองแต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย  เหตุว่าราชอำนาจ  และฤทธิ์เดชและพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์”  อาเมน 
 คำนำ
พระเจ้าทรงมีฤทธิ์เดชและทรงมีฤทธิ์อำนาจชั่วนิจนิรันดร์ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งการปลดปล่อยในชีวิตของเรา ให้เราเชื่อและมั่นใจในพระเจ้า พระองค์ทรงประกอบไปด้วยฤทธานุภาพ  ในพระวจนะของพระเจ้ามีสาวกได้บอกกับพระเยซูสอนการอธิษฐานให้กับเขา ความจริงสำหรับคนยิวได้มีการอธิษฐานขอต่อพระเจ้า 3 เวลาอยู่แล้ว  แต่เขาต้องการให้พระเจ้าสอนวิธีการอธิษฐานให้กับเขา ไม่ใช่การอธิษฐานตามรูปแบบ แต่ให้เป็นการอธิษฐานที่ออกมาจากหัวใจ และชีวิตของเราเช่นเดียวกัน ขอให้พระเจ้าทรงสอนหัวใจแห่งการอธิษฐานให้แก่เรา ขอให้พระเจ้าทรงฟื้นจิตวิญญาณใหม่ให้เรา ให้เราสารภาพต่อพระเจ้า ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตในชีวิตของเราทั้งหลาย เพื่อที่เราจะได้บังใหม่กับพระเจ้าอย่างแท้จริง และให้พระเจ้าทรงเป็นใหญ่ในชีวิตของเรา ขอให้เราอธิษฐานตามแบบอย่างพระเยซูได้ดังนี้
1.ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ  
ขอให้เราทุกคนให้พระเจ้าทรงเป็นใหญ่ในชีวิตของเรา และตัวตนของเราต้องเล็กลง เมื่อเวลาที่เราเจอกับปัญหาในชีวิต ขอให้เราร้องทูลต่อพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน  เมื่อเวลาที่เราอธิษฐาน พระเจ้าไม่ทรงตอบเรา เราอย่าน้อยใจ แต่เราจะถ่อมใจและเรียนรู้ในแผนการของพระเจ้า เพื่อที่เราจะให้พระเจ้าทรงสร้างเราใหม่ ให้เราเชื่อและวางใจในพระเจ้า
2.ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
 พระองค์ทรงรักแผ่นดินของพระองค์  หลายครั้งเราได้ล่วงละเมิดต่อพระเจ้า เนื่องจากเราจำกัดพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง พระเจ้าต้องการมาครอบครองชีวิตของเรา เราต้องให้พระเจ้าทรงเป็นที่1 ในชีวิต ในพระวจนะคำของพระเจ้าได้กล่าวว่า อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา  เราต้องเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียวที่ทรงยิ่งใหญ่  “ข้าพเจ้าเงยหน้าดูภูเขา  ความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากไหนความอุปถัมภ์ของข้าพเจ้ามาจากพระเจ้า  ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลก” หลายครั้งเราอาจผิดพลาดหรือทรงจำกัดพระเจ้า แต่สำหรับพระเจ้าแล้วพระองค์ทรงทรงห่วงใยผู้เชื่อทุกคนและพระองค์ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ มาสถิตในชีวิตและในจิตใจของเราทุกคน
3.ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
ขอให้เราแผ่นดินสวรรค์มาตั้งอยู่และมาครอบครอง  และขอให้หัวใจของเราทั้งหลายเร้าร้อนในการประกาศแผ่นดินของพระเจ้า ขอให้พระองค์ทรงประทานให้เราเป็นคนมีปัญญา อย่าให้เราสอนผิด แต่เราจะเป็นหนังสือของพระองค์ อย่าให้มารซาตานมาบิดเบือนหลักความจริงของพระเจ้าได้ ขอให้พระคำของพระเจ้าทรงสำเร็จในชีวิตของเราทุกคน ขอให้การฟื้นฟูมาตั้งอยู่ให้หัวใจเราทุกคน ดุจหัวใจพระองค์ที่เร้าร้อนอยากเห็นลูกของพระองค์กลับคืนดีกับพระบิดา
4.ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้  
ให้เราทุกคนจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อน  , อย่าวิตกกังวลเพราะพรุ่งนี้มีเรื่องวิตกกังวลอยู่แล้ว อ.เปาโลได้สอนว่าอย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงอธิษฐานเรื่องความปรารถนาทุกอย่างต่อพระเจ้าด้วยการวิงวอน กับการขอบ พระคุณ และพระองค์จะประทานสันติสุขมาครอบครองจิตใจของเรา และเราอย่าให้มารมาขโมยความสุขของเราได้
ข้อที่ 11-13และขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น และขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลองแต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย เหตุว่าราชอำนาจ  และฤทธิ์เดชและพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์”    อาเมน มัทธิว 6:9-13

วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน  2012
แบ่งปันพระพร อาจารย์ ดร.ทะนุ วงศ์ธนาธิกุล
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   กิจการ8:1-13
ชีวิตมนุษย์ทุกข์วันนี้มีปัญหาเกิดขึ้นกับเรามากมาย สำหรับคริสเตียนแล้ว แม้ว่าเราจะเจอกับปัญหามากมาย เราสามารถขอบคุณพระเยซูในทุกสถานการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของเรา  แม้แต่ชีวิตอาจารย์เปาโลแม้ขณะที่ติดคุก ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ท่านได้หนุนใจผู้ที่นอกคุกว่าให้ชื่นชมยินดีในพระเจ้า แม้แต่กรง ไม่ใช่เป็นอุปสรรคสำหรับอาจารย์เปาโล  เพราะอาจารย์เปาโลเลือกมองที่พระเยซูคริสต์ และชีวิตท่านได้พึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์  แม้แต่พระเยซูคริสต์ยังเชื่อฟังวิญญาณบริสุทธิ์ละชีวิตคริสเตียนของเราให้เรามองแบบอย่างพระเยซูคริสต์เจ้าพระเยซู  เราต้องพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการดำเนินชีวิตเพื่อเราจะไม่ตอบสนองตามเนื้อหนังของมนุษย์เพราะความต้องการของมนุษย์ไม่มีวันสิ้นสุด แต่พระเจ้าจะมอบสันติสุขเกินความเข้าใจของมนุษย์ เช่นเดียวกับอัครทูตในพระธรรมกิจการ
กิจการ 8:1-13
การฆ่าสเตเฟนเป็นจุดเริ่มต้นของการข่มเหงคริสเตียนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะคริสเตียนถูกเคี่ยวเข็ญไล่ออกอย่างฉับพลัน  เมื่อถูกการข่มเหงมีการกระจัดกระจายไปในที่ต่างๆ สาวกของพระเยซูไม่หยุดที่จะประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า คนเหล่านั้นไม่นิ่งเฉยต่อข่าวประเสริฐของพระเจ้า  ไม่มีใครสามารถหยุดเขาในในการประกาศข่าวประเสริฐ       แต่หลายครั้งชีวิตของเรา       เรากลัวแม้กระทั้งเราจะเอ๋ยนามของพระเจ้า เรากลัวคนอื่นไม่คบเรา หลายสาเหตุที่เราไม่กล้าประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า เช่น ที่เรารักพระเจ้าไม่เพียง หรืออาจจะเห็นแก่หน้าตนเองมากกว่า  หรืออาจจะกลัว แต่เราจะชนะความกลัวได้ดังนี้
1.ขอพระวิญญาณที่เราจะกล้า  หลายครั้งเราไม่กล้าประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า เพราะเราเกิดจากความกลัว
2.เราขาดความรู้เรื่องของพระเจ้า  หลายครั้งเราอ้างว่าเราไม่มีความรู้ แต่ถ้าเราดูจากสาวกของพระเยซูที่ชื่อเปโตรเป็นแค่ชาวประมงเรียนไม่สูง แต่เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงาน เปโตรสามารถประกาศนำคนรับเชื่อ 3000 คน เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยเขา
ชีวิตการติดตามพระเจ้า เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกเวลา ในการรอรับการเสด็จกลับมาของพระเยซู  อย่าให้ปัญหาในโลกนี้โจมตีเราในการหยุดติดตามพระเจ้าเพื่อเราจะได้ร่วมเฉลิมฉลองกับพระเยซูคริสต์  เช่น  สาวกไม่หยุดในการประกาศและพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้สถิตกับเขาและให้หมายสำคัญกับเขา  เปโตรได้ทำการอัศจรรย์ เรื่องรักษาคนง่อย เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำกิจ เปโตรและยอห์นพบว่าผู้เชื่อได้รับบัพติศมามากมายแต่ยัง ไม่รับพระวิญญาณคือการให้พระวิญญาณบริสุทธิ์มาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเป็นรูปธรรม เช่นฝ่ายผลของพระวิญญาณ 9 ข้อ ความรัก  ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความเชื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตนอะไร  พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ให้เรา  ผู้ที่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์เขาจะสำแดงชีวิตได้ดังนี้
1.ทำเพื่อตนเองแต่จะเพื่อคนอื่น พระวิญาณบริสุทธิ์จะให้เราอยู่เพื่อพระเยซูคริสต์เช่นเดียวกับชีวิต อ.เปาโลได้กล่าวว่า มีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์การตายก็ได้กำไร แล้วมีชีวิตเพื่อการประกาศตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์  ท่านทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกท่านไว้ ดูเถิด เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นโลก เอเมน"
2.คำพูดเพื่อตนเองแต่จะทำเพื่อผู้อื่น พระวิญญาณในคำพูดที่เปลี่ยนไป ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณีและชีวิตจะประกอบด้วยพระวิญญาบริสุทธิ์
สรุป..ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้กระทำเหนือในชีวิตของเราที่จะต้องติดสนิทกับพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน  การอ่านพระวจนะคำของพระเจ้า ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ขอพระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ให้เรา

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม 2012
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2012

แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์ ดร.เสรี หล่อกันภัย
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   
คำนำ 
พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งควารัก พระองค์จึงทรงลงมาในโลกนี้มาประสูติที่รางหญ้าที่ต่ำต้อย พระเยซูทรงยอมสละสภาพของความเป็นพระเจ้ามาเป็นมนุษย์ และมาสิ้นพระชนม์ที่ต่ำต้อยที่ไม้กางเขน ซึ่งการตรึงที่ไม้กางเขนเป็นที่สำหรับโจร  แต่พระองค์ต้องสิ้นพระชนม์แบบทรมารเพื่อความบาปของมนุษย์ที่บาปหนัก แต่พระองค์ยอมก็เพราะทำเพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอด
เมื่อพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงถูกล้อเลียนและ ถูกเยาะเย้ย แต่สำหรับพระองค์แล้ว พระองค์ทรงตรัสว่า..สำเร็จ ๆ เมื่อทหารเห็นดังนี้แล้วได้กล่าวว่าผู้นี้ทรงเป็นพระเจ้า  มารซานเข้าใจว่าการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์จะทำให้ทุกอย่างจะสิ้นสุดลง  แต่ความจริงแล้วพระเยซูได้มากระทำให้ทุกสำเร็จ  ตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์เดิม และใน3วันพระเยซูคริสต์ได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย หลังจากที่พระองค์ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย พระองค์มีกายใหม่หลายคนจำพระองค์ได้และไม่ได้โดยเสียงที่คุ้นเคยจึงทำให้จำพระเยซูได้ พระองค์ได้ใช้เวลาอีก 40 วันกับสาวกของพระองค์ หลายครั้งเราจะเห็นคนไทยมาเชื่อพระเจ้ายาก ซึ่งยิวเองก็เชื่อพระเยซูยาก ซี่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเชื่อ  พระเยซูไปหาสาวกเช่น เปโตรที่หันกลับไปทำอาชีพเดิมเป็นชาวประมง เพราะสาวกแต่ละคน รู้สึกหดหู่ และผิดหวังเสียใจ พระเยซูได้กลับไปใช้เวลากับเขา หนุนใจสาวกให้ยืนหยัดในความเชื่อให้กลับมาหาพระเจ้า เพราะพระเจ้าที่เชื่อยังทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ยังทรงสถิตกับเขา  เช่นเดียวกับชีวิตของเรา แม้บางครั้งที่เราเจอกับปัญหา ขอให้เรามีความมั่นใจ
เราต้องเชื่อเราจะผ่านไปได้  สาวกเหล่านี้ทำให้เขามีความเชื่อมากยิ่งขึ้นทุกคน ยอมตายด้วยความเชื่อเพราะสาวกทุกคนมั่นใจในพระเจ้ามากขึ้นจากประวัติศาสตรคริสต จักร เปโตรถูกตรึงที่ไม้กางเขนแต่เอาหัวคว่ำลงและอีกหลายตายด้วยความเชื่อ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์พระองค์ได้กำชับว่า..
ให้เราประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า และพระองค์จะประทานฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับผู้เชื่อพระเยซูทรงสัญญาว่าจะเสด็จกลับมาครั้งที่2  ในเวลานี้เหตุการณ์ต่างๆใกล้เข้ามาแล้ว เช่น แผ่นดินไหว ภัยพิบัติ ลัทธิเทียมเท็จ  โรค การรวมตัวของอิสราเอล ฯลฯ  ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาเตือนเรา ที่ถูกบันทึกในพระวจนะคำของพระเจ้า ให้เราเตรียมพร้อมและคอยระวังตัวในการเสด็จกลับมาครั้งที่ 2ของพระเยซูคริสต์ ในวันสุดท้ายพระเจ้ากลับมาพิพากษา คนบาปเราไม่สามารถหลบหลีกได้ แต่ผู้ที่วางใจในพระเยซูคริสต์เจ้าจะได้รับความรอด  และเขาจะเตรียมพร้อมคอยต้อนรับการเสด็กลับมาของพระเยซูคริสต์ เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้เรามั่นใจได้ นอกจากโลหิตของพระเยซูที่ไถ่บาปให้แก่เรา เพราะมนุษย์ทุกคนอนิจจัง  เราไม่สามารถพึ่งตัวเองนอกจากมาทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น เพียงแค่เราเชื่อเราก็รอด

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2012

แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์วิเศษ สุทธิประภา
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   กิจการ 6-7
คำนำ
พระธรรมกิจการตอนนี้ มีชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็ม 2 ประเภท ประเภทพูดภาษาฮีบรู กับประเภทพูดภาษากรีก มักมีปัญหาบ่นติเตียนกันเกี่ยวกับทำทาน เพราะเหตุนี้อัครทูตจึงจัดให้มีระเบียบและมีการเลือกสรรผู้นำ 7 คนเพื่อมิให้ มีการบ่นติเตียน นินทากัน  ซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้แตกต่างจากคริสตจักรในยุคปัจจุบัน เนื่องจากความแตกต่างกันอาจจะทำให้เรามีปัญหาได้  เนื่องจากความคิดไม่ตรงกัน เมื่อเรารู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นอุปสรรคให้กลับมาในที่พระวจนะคำของพระเจ้าคือให้เรารักซึ่งกันและกัน และอภัยกันเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งที่ได้ทำผิดกับเรา   และเมื่อ 7 คนที่ได้รับการแต่งตั้งสำหรับงานพิเศษ เพื่อนำอาหารมาร่วมกันให้เป็นของกลาง ไว้ที่ต่ออัครทูตเพื่อแจกจ่ายให้กับทุกคน และคนเหล่านี้ต้องมีความสามารถในด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่น สเตเฟนและฟิลิปเป็นพวกดูแลด้านฝ่ายจิตวิญญาณในการประกาศเผยแพรพระวจนะคำของพระเจ้านอกกรุงเยรูซาเล็ม อัครทูตมีหน้าที่ในการการดูแลด้านฝ่ายวิญญาณเช่นให้การขะมักเขม้นในการอธิษฐาน และสอน
1.เลือกผู้นำขึ้นมาเพื่อการจัดสรร   2.แบ่งหน้าที่ให้กับทุกคน   3.ดูแลทุกฝ่ายในการประสานงานกัน    4.แต่งตั้งสมาชิกอื่นในแต่ละฝ่าย (อาจจะเปรียบเทียบเหมือคณะธรรมกิจของคริสตจักร)และเราแต่ละคนเป็นคนพิเศษของพระเจ้าที่ได้ให้เราได้มาอยู่ร่วมกันไม่ใช่การบังเอิญแต่ทุกอย่างเป็นการจัดเตรีมของพระเจ้าที่ทรงวางไว้ให้กับเราทุกคน ส่วนหน้าที่ของเราคือ
1.มาฟังคำเทศนาและเรียนพระวจนะคำของพระเจ้าเพื่อเป็นการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเราให้เราเจริญเติบโตกับพระเจ้า
 2.ท่านเป็นลูกแห่งการหนุนใจ  การที่เรามาที่คริสตจักรของพระเจ้าเพื่อที่เรามาหนุนน้ำใจซึ่งกันและกัน เสริมสร้างกันและกัน
 3.เพื่อสรรเสริญพระเจ้า  พระเจ้าไม่ได้ต้องการอะไรจากเรานอกจากเราได้มาสรรเสริญพระเจ้า มาระลึกความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ได้ทรงประทานให้กับเรา และเราจะประกอบได้ด้วยความเชื่อ เช่นสเตเฟนและฟิลิป
สเตเฟนเป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับการเลือกใน 7 คนนี้  ซึ่งประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ดำเนินชีวิตเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า เพราะชีวิตที่พอพระทัยของพระเจ้าคือการศึกษาพระวจนะคำของพระเจ้าและติดสนิทกับพระเจ้า ผู้ที่ติดสนิทกับพระวจนะคำของพระเจ้า เขาสามารถทำการอัศจรรย์และรักษาคนป่วยให้หายได้   ฤทธิ์เดชของพระเจ้ายังสามารถสำแดงในยุคนี้ เหมือนเดิม แม้สเตเฟนไม่ได้ทำผิดอะไรแต่ท่านยังถูกใส่ร้าย  ถูกพิพากษาแม้ว่าหลายคนให้แก้ตัว ในพระธรรมกิจการ 7:1 “ฝ่ายดูก่อน เขาโอกาสแก้ตัว ไม่ได้แก้ตัวแต่ทำไมเป็นอย่างนั้น เรานับไกลคือพระเจ้าองค์เดียวกันและเป็นพระผู้ช่วยให้รอด”   แต่กลับตอบว่า       ข้อ51   ท่านคนชาติหัวแข็งใจดื้อหูตึง ท่านทั้งหลายขัดขวางพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ บรรพบุรุษของท่านทำอย่างไร ท่านก็ทำอย่างนั้นด้วย”   แต่ด้วยความเชื่อสเตเฟนยอมตายถูกขว้างตายด้วยก้อนหิน และสเตเฟนยังได้กล่าวอีกว่าขอพระเจ้ายกโทษเขา คือความรักที่ให้อภัยกัน
 1เปโตร 4:8 ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดก็จงรักซึ่งกันและกันให้มาก ด้วยว่าความรักก็ปกปิดความผิดไว้มากหลาย) ดูแลกันด้วยความรักที่ต้องการความช่วยเหลือ ความรักต้องดูแลซึ่งกันและกัน ความรักพระเจ้าจะผูกพันธ์ ชีวิตเราต้องเป็นชีวิตที่ดีเลิศขมักเขม่นที่อธิษฐาน ชีวิตก็จะเกิดผลสนใจเรียนรู้พระวจนะคำของพระเจ้า และพระเจ้าสอนในการดำเนินชีวิตของเราอย่างไรกับพระเจ้า

วันอาทิตย์ที่  6 พฤษภาคม 2012

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน  2012

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน  2012


วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน  2012

แบ่งปันพระพร อาจารย์ ดร.ทะนุ วงศ์ธนาธิกุล
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   กิจการ 4 : 2 , 10 , 12 , 13 ,19
กิจการ 4:2   ด้วยเขาเป็นทุกข์ร้อนใจ เพราะท่านทั้งสองได้สั่งสอน และประกาศแก่คนทั้งหลายถึงเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตาย โดยทางพระเยซู
ในพระธรรมกิจการสาวกของพระเยซูล้วนแต่ประจานถูกข่มเหงถูกทำร้าย หลายคนถูกฆ่าตายและถูกจำคุกแบบอาจารย์เปาโล  โดยกำลังของสาวกไม่สามารถที่จะสู้กำลังทหารต่างๆได้  แต่สาวกได้ขอกำลังจากพระเจ้าให้พระเจ้าช่วยให้เขาผ่านพ้นเหตุการณ์ต่างๆได้  หลายครั้งเราอาจจะเจอกับปัญหาที่เราคิดว่าเราสู้ไม่ได้แล้ว ให้เราพึ่งพาพระเจ้าขอจิตใจที่กล้าหาญให้กับเราและพระเจ้าจะเป็นผู้ที่สู้แทนไม่ใช่เพราะความดีที่เรา  แต่โดยพระคุณที่ทรงมีให้กับคนที่ไม่สมควรที่ได้รับ เพียงแค่เราเข้ามาหาพระเจ้าด้วยความเชื่อ 
กิจการ 4:10 ก็ให้ท่านทั้งหลายกับบรรดาชนอิสราเอลทราบเถิดว่า โดยพระนามของพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ ซึ่งท่านทั้งหลายได้ตรึงไว้ที่กางเขน และซึ่งพระเจ้าได้ทรงโปรดให้คืนพระชนม์ โดยพระองค์นั้นแหละชายคนนี้ได้หายโรคเป็นปกติแล้วจึงยืนอยู่ต่อหน้าท่าน
ถ้าชีวิตของเราปราศจากพระเจ้า เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่โดยพระคุณพระเจ้านั้น พระองค์ต้องการมาปลดปล่อยเราให้เป็นไท และให้เราชื่นชมยินดีในข่าวดีที่พระเยซูทรงมาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และใน 3วันพระเยซูได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตาย พระองค์ทรงชนะความตาย พระเยซูทนความเจ็บปวดแทนเราด้วยใจที่กล้าหาญ เพราะต้องการให้มนุษย์ได้รับการปลดปล่อย รักษาโรค  ปัญหา ฯลฯ  ทำไมพระเจ้าทนได้โดยความกล้าหาญ ความกล้านั้นมากจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า
กิจการ4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า"
 หลายคนกำลังหาพระต่างๆมาช่วย  แต่ความจริงแล้วไม่มีพระใดที่จะประทานความรอดให้กับเราได้  เราจะใช้ผู้ใดไป และผู้ใดจะไปแทนเรา" แล้วข้าพเจ้าทูลว่า  "ข้าพระองค์นี่พระเจ้าข้า ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด" (อิสยาห์6:8 )  เมื่อเรารู้ว่าเราพระสัญญาของพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง  เราต้องยอมให้พระเจ้าใช้เรา อย่าให้มารมามุสาเรา..ว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าใช้เราไม่ได้ เพราะเราไม่บริสุทธิ์พอ เพราะในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้วไม่มีใครบริสุทธิ์เลย พระเจ้ารู้ในความบกพร่องของเรา แต่ให้เราพึ่งพาในพระเจ้า และวางใจ
กิจการ 4:13 เมื่อเขาเห็นความกล้าหาญของเปโตรกับยอห์น และรู้ว่าท่านทั้งสองขาดการศึกษาและเป็นคนมีความรู้น้อยก็ประหลาดใจ แล้วสำนึกว่าคนทั้งสองเคยอยู่กับพระเยซู 
บางครั้งการประกาศพระนามของพระเจ้าได้ไม่จำเป็นที่ต้องเรียนสูงๆ แต่ให้เราใช้ของประทานที่เรามีประกาศพระนามพระเจ้าและอธิษฐานพึ่งพาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เมื่อเราได้ใกล้พระเจ้า พระองค์จะประทานกำลังให้กับเรา
เคล็ดลับของมั่งคงและมีความสุขในพระเจ้า
1.ต้องทำงานตลอดเวลา
2.ดำเนินชีวิตสายกลาง เรียบง่าย
3.รับประทานอาหารไม่มาก กินง่าย
4.ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน
5.เข้านอนหัวค่ำและตื่นนอนแต่เช้า
6.ไม่กังวลเรื่องความตาย ไม่วิตกกังวล
7.มีจิตใจที่ความเชื่อในพระเจ้า
ให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้องและชื่นชมยินดีในพระเจ้า ให้พระเยซูเติมเต็มจิตใจที่กล้าหาญและขอพระเจ้าเอาความกลัวชีวิตของเราออกไป
วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน  2012
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์ศุภชัย วงศ์ธนาธิกุล
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   1โครินธ์ 15:1-11
“ยิ่งกว่านี้ พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอให้ท่านคำนึงถึงข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าเคยประกาศแก่ท่านทั้งหลาย ซึ่งท่านได้ยอมรับไว้ อันเป็นฐานซึ่งท่านทั้งหลายตั้งมั่นอยู่และซึ่งทำให้ท่านรอดด้วย ถ้าท่านยึดหลักคำสอนที่ข้าพเจ้าได้ประกาศไว้แก่ท่านทั้งหลายนั้น เว้นเสียแต่ท่านได้เชื่ออย่างไร้ประโยชน์เรื่องซึ่งข้าพเจ้ารับไว้นั้น ข้าพเจ้าได้ประกาศแก่ท่านทั้งหลายก่อน คือว่าพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์และทรงถูกฝังไว้ แล้ววันที่สามพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาใหม่ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้นพระองค์ทรงปรากฏแก่เคฟาส แล้วแก่อัครสาวกสิบสองคนภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่พวกพี่น้องกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว ซึ่งส่วนมากยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่บางคนก็ล่วงหลับไปแล้วภายหลังพระองค์ทรงปรากฏแก่ยากอบ แล้วแก่อัครสาวกทั้งหมดครั้นหลังที่สุดพระองค์ทรงปรากฏแก่ข้าพเจ้าด้วย ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดเพราะว่าข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยที่สุดในพวกอัครสาวก และไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวก เพราะว่าข้าพเจ้าได้ข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้าแต่ว่าข้าพเจ้าเป็นอยู่อย่างที่เป็นอยู่นี้ก็เนื่องด้วยพระคุณของพระเจ้า และพระคุณของพระองค์ซึ่งได้ทรงประทานแก่ข้าพเจ้านั้นมิได้ไร้ประโยชน์ แต่ข้าพเจ้ากลับทำงานมากกว่าพวกเขาเสียอีก มิใช่ตัวข้าพเจ้าเองทำ แต่เป็นด้วยพระคุณของพระเจ้าซึ่งดำรงอยู่กับข้าพเจ้าเหตุฉะนั้นแม้ตัวข้าพเจ้าก็ดี หรือพวกเขาก็ดี เราทั้งหลายก็ได้ประกาศอย่างที่กล่าวมานั้น และท่านทั้งหลายก็ได้เชื่ออย่างนั้น”
ในสมัยนั้นไม่มีใครยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และถ้าใครมาเป็นคริสเตียนมักจะถูกทำร้ายหรือถูกฆ่า เนื่องจากความไม่เข้าใจว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าที่ลงมาไถ่บาปให้กับมนุษย์  และผู้นำศาสนาคอยจับผิดจึงกระทั่งตรึงพระเยซูไว้ที่ไม้กางเขน  และมารซาตานคิดว่าทุกอย่างจบแล้วสิ้นสุดแล้ว แต่กลับกันการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ทำให้ทุกอย่างสำเร็จโดยโลหิตของพระเยซูคริสต์ เพราะการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ทำให้มนุษย์ทุกคนที่เชื่อจะได้รับรอดจากความบาป และพระองค์ได้ประทานสิทธิการเป็นบุตรให้แก่ผู้เชื่อ  และทรงประทานชีวิตนิรันดร์เป็นมรดกให้กับผู้ที่เชื่อได้ไปอยู่ในแผ่นดินของพระองค์  และผู้เชื่อทุกคนพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะเช็ดน้ำตาทุกหยดให้กับเรา และเราจะไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไป  และเราจะพบแต่ความชื่นชมยินดีกับพระเจ้า
แต่หลายครั้งมนุษย์ลืมในพระสัญญาของพระเจ้าเช่นเดียวกับพระธรรมยอห์นตอนนี้ “ วันแรกของสัปดาห์เวลาเช้ามืด มารีย์ชาวมักดาลามาถึงอุโมงค์ฝังศพ เธอเห็นหินออกจากปากอุโมงค์อยู่แล้วเธอจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตรและสาวกอีกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรักนั้น และพูดกับเขาว่า เขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าออกไปจากอุโมงค์แล้ว และพวกเราไม่รู้ว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน"   มารีย์ลืมไปว่าพระเจ้าได้ตรัสว่า อีก 3 วัน พระองค์จะฟื้นขึ้นจากความตาย เช่นเดียวกับชีวิตของเรา  หลายครั้งเมื่อเราเจอกับปัญหาเข้ามาในชีวิตของเรา เรามักจะลืมพระเจ้า เรามองปัญหานั้นใหญ่กว่าความยิ่งใหญ่ของพระองค์  แต่ให้เราย้อนกลับไปว่าพระเจ้าของเรายิ่งใหญ่กว่าปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิตของเรา ไม่มีอะไรอยากสำหรับพระเจ้า พระองค์ทรงมีชัยชนะเหนือความตายความตายไม่ใช้จุดสิ้นสุดของพระองค์เพียงแค่วางใจในพระเจ้าของเรา
วันอาทิตย์ที่ 1 เมษายน  2012
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์ปราชญา วิสุทธิยาห์
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   มัทธิว 21:1-17
คำนำ 
ครั้นพระองค์กับพวกสาวกมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ถึงหมู่บ้านเบธฟายี เชิงภูเขามะกอกเทศ แล้วพระเยซูทรงใช้สาวกสองคน  ตรัสสั่งเขาว่า "จงเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าท่าน ทันทีท่านจะพบแม่ลาตัวหนึ่งผูกอยู่กับลูกของมัน จงแก้จูงมาให้เรา ถ้ามีผู้ใดว่าอะไรแก่ท่าน ท่านจงว่า `องค์พระผู้เป็นเจ้าต้องพระประสงค์' แล้วเขาจะปล่อยให้มาทันที"  เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้พระวจนะที่ตรัสโดยศาสดาพยากรณ์สำเร็จซึ่งว่า `จงบอกธิดาแห่งศิโยนว่า ดูเถิด กษัตริย์ของเธอเสด็จมาหาเธอ โดยพระทัยอ่อนสุภาพ ทรงแม่ลากับลูกของมัน' สาวกทั้งสองคนนั้นก็ไปทำตามพระเยซูตรัสสั่งเขาไว้ จึงจูงแม่ลากับลูกของมันมา และเอาเสื้อผ้าของตนปูบนหลัง แล้วเขาให้พระองค์ทรงลานั้น ฝูงชนเป็นอันมากได้เอาเสื้อผ้าของตนปูตามถนนหนทาง คนอื่นๆก็ตัดกิ่งไม้มาปูตามถนน ฝ่ายฝูงชนซึ่งเดินไปข้างหน้ากับผู้ที่ตามมาข้างหลังก็พร้อมกันโห่ร้องว่า "โฮซันนาแก่ราชโอรสของดาวิด `ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ โฮซันนา' ในที่สูงสุด" เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในกรุงเยรูซาเล็มแล้ว ประชาชนทั่วทั้งกรุงก็พากันแตกตื่นถามว่า "ท่านผู้นี้เป็นผู้ใด" ฝูงชนก็ตอบว่า "นี่คือเยซูศาสดาพยากรณ์ซึ่งมาจากนาซาเร็ธแคว้นกาลิลี" พระเยซูจึงเสด็จเข้าไปในพระวิหารของพระเจ้า ทรงขับไล่บรรดาผู้ซื้อขายในพระวิหารนั้น และคว่ำโต๊ะผู้รับแลกเงิน กับทั้งคว่ำที่นั่งผู้ขายนกเขาเสีย และตรัสกับเขาว่า "มีพระวจนะเขียนไว้ว่า `นิเวศของเราเขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐาน' แต่เจ้าทั้งหลายมากระทำให้เป็น `ถ้ำของพวกโจร'" คนตาบอดและคนง่อยพากันมาเฝ้าพระองค์ในพระวิหาร พระองค์ได้ทรงรักษาเขาให้หาย แต่เมื่อพวกปุโรหิตใหญ่กับพวกธรรมาจารย์ได้เห็นการมหัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำ ทั้งได้ยินหมู่เด็กร้องในพระวิหารว่า "โฮซันนาแก่ราชโอรสของดาวิด" เขาทั้งหลายก็พากันแค้นเคือง และจึงทูลพระองค์ว่า "ท่านไม่ได้ยินคำที่เขาร้องหรือ" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ได้ยินแล้ว พวกท่านยังไม่เคยอ่านหรือว่า `จากปากของเด็กอ่อนและเด็กที่ยังดูดนม ท่านก็ได้รับคำสรรเสริญอันจริงแท้'" พระองค์ได้ทรงละจากเขาและเสด็จออกจากกรุงไปประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี
ประการที่ 1 ครั้นพระองค์กับพวกสาวกมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ถึงหมู่บ้านเบธฟายี และหมู่บ้านเบธานีเชิงภูเขามะกอกเทศ พระองค์ทรงใช้สาวกสองคน เมื่อพระเยซูได้เสด็จเข้าในเยรูซาเล็ม และเป็นช่วงที่ชาวยิวรอคอยการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ ประชาชนต้องการแต่งตั้งพระเยซูให้เป็นกษัตริย์ของพวกเขาเพราะประชาชนเห็นการอัศจรรย์ที่พระองค์ทำและพวกเขาคิดว่าพระเยซูสามารถปกครองเขาได้โดยการผ้ามาปูและใบไม้มาปูให้พระเยซูเสด็จ เมื่อเวลาผ่านไปก็เป็นกลุ่มเดียวกันที่บอกว่า ตรึงเขาเสียพระองค์ไม่ได้เป็นกษัตริย์ตามที่เขาต้องการ แต่พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ฝ่ายวิญญาณ พระองค์มาสิ้น พระชนม์เพื่อมนุษย์เพราะความรักและการเสียสละของพระองค์ พระองค์ไม่ได้มาเพื่ออำนาจ แต่พระองค์มาเป็นกษัตริย์ฝ่ายวิญญาณของเราทุกๆคน เราควรให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิตของเรา
ประการ 2 สั่งเขาว่า"จงเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าท่าน ครั้นเข้าไปแล้วในทันใดนั้นจะพบลูกลาตัวหนึ่งผูกอยู่ ที่ยังไม่มีใครขึ้นขี่เลย จงแก้มันจูงมาเถิด " พระเยซูได้มาปลด ปล่อยลาตัวนี้ เช่นเดียวกับชีวิตของเราพระองค์รักเรา จึงเป็นเหตุที่พระองค์ต้องการมาปลดปล่อยเราจากการเป็นทาสของมาร พระองค์ไม่ต้องการให้มนุษย์ตกเป็นเครื่องมือของมาร แต่พระองค์ต้องการเป็นกษัตริย์ฝ่ายวิญญาณของเรา ส่วนผู้ที่เชื่อจะมีชีวิตใหม่
ประการ 3 ถ้าผู้ใดถามท่านว่า `ท่านทำอย่างนี้ทำไม' จงบอกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าต้องประสงค์ลูกลานี้ และประเดี๋ยวพระองค์จะส่งกลับคืนมาให้ที่นี่"ลาตัวนี้ยังไม่มีใครเคยขี่และไม่เคยถูกใช้ เช่นเดียวกับชีวิตของเรา ก่อนที่เรายังไม่เชื่อพระเจ้า
เราไม่มีคุณค่า เมื่อเราเชื่อพระเจ้าเราเป็นคนที่มีคุณค่าในสายพระเนตรของพระองค์ พระเยซูทรงเป็นกษัตริย์ฝ่ายวิญญาณของเรา ให้เรามีชีวิตที่เป็นพระพรให้กับผู้อื่นให้สมกับที่พระเจ้ารักเรา
ประการ  4 นอกประตูถ้าเราไม่มีพระเจ้า เราก็อยู่นอกพระพร อยู่นอกพระสัญญาของพระเจ้า ความดีไม่สามารถลบล้างความบาปได้เพราะค่าจ้างความบาปนั่นคือความตาย พระเจ้ามีพระสัญญา ที่ดีในชีวิตของเราโดยการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู คริสเตียนต้องเดินในพระพรของพระเจ้า นั่นคือ ให้พระเจ้ากษัตริย์ครอบครองชีวิตของเรา
วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม  2012
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์วิเศษ สุทธิประภา
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   กิจกรรม 3:1-10
คำนำ 
พระธรรมกิจการเป็นเรื่องราวชีวิตของอัครทูตซึ่งอยู่ภายใต้ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ อัครทูตได้นำข่าวประเสริฐของพระเจ้าให้แพร่ออกไปถึงสิทธิอำนาจของพระเยซูที่ได้สิ้นนพระชนม์และใน3 วันได้ฟื้นขึ้นจากความตายเพราะทุกคนเข้าใจว่าถ้าพระเยซูได้ตายนั่นหมายความว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลง แต่เรื่องราวของพระเยซูยิ่งกลับขยายมากขึ้นไป  ในกิจการ บทที่ 1:8แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราช ทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราทั้งในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก"   ข่าวประเสริฐของพระเจ้าได้แพร่กระจายออกไปทั่วโลก ยิ่งกว่านั้นคือแผ่นดินพระเจ้าได้มาตั้งในหัวใจของเรา  และให้เราได้ขอบคุณพระเจ้าตลอดเวลาที่พระองค์ได้ครอบครองเหนือชีวิตของเรา    บทที่ 2 เป็นวันเพนเตคอส ที่พระเจ้าได้ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มาเหนือผู้เชื่อ  เขาต่างพูดภาษาต่างๆ 2:41 คนทั้งหลายที่รับคำของเปโตรด้วยความยินดีก็รับบัพติศมา ในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกเพิ่มอีกประมาณสามพันคน  เมื่อพระวิญญาณได้ลงมาสถิตกับ เขาได้มีการสำนึกผิดความผิดบาป บทที่ 3:1-10  เวลานั้นทำให้ผู้เชื่อให้ความสำคัญในการอธิษฐานมาก เมื่อเราอธิษฐานเราต้องเชื่อ ไม่สงสัยในพระเจ้า พระเจ้าจะประทานสิ่งทั้งปวงตามความเชื่อของเรา พระเจ้าทรงทราบดีในสิ่งที่เราได้ทูลขอ  อย่าให้คำตอบของพระเจ้าตามใจเรา แต่ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้า  ขอให้เราติดสนิทกับพระเจ้า อ่านพระคัมภีร์ ประกาศและสำแดงชีวิต
กิจการ 3:2 มีชายคนหนึ่งเป็นง่อยตั้งแต่ครรภ์มารดา ทุกวันคนเคยหามเขามาวางไว้ริมประตูพระวิหาร ซึ่งมีชื่อว่าประตูงาม เพื่อให้ขอทานจากคนที่จะเข้าไปในพระวิหาร ให้   คำว่าประตูงาม ให้เปรียบเปรียบเป็นประตูจิตใจของเราให้เป็นประตูใจที่สวยงาม ดีงาม ให้คนอื่นเห็นพระเยซูในชีวิตของเรา และเราจะเป็นตัวหนังสือของพระองค์ เพื่อให้คนอื่นอยากรู้จักกับพระเจ้า และอยากจะเดินเข้ามาในพระวิหารของพระเจ้า
กิจการ 3:6 โตรกล่าวว่า "เงินและทองข้าพเจ้าไม่มี แต่ที่ข้าพเจ้ามีอยู่ข้าพเจ้าจะให้ท่าน คือในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์ชาวนาซาเร็ธ จงลุกขึ้นเดินไปเถิด" คำว่าพระนามพระเยซูคริสต์  พระนามของพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งที่มีค่าล้ำเลิศ เพียงแค่ให้เราแสวงหาพระเจ้าก่อนเหนือสิ่งอื่นใด พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะประทานในสิ่งที่เราต้องการ เช่นเงินทอง บ้าน โรค และอื่นฯลฯ   ถ้าเราให้พระเจ้านำหน้า เราจะมีชีวิตที่มีคุณค่ามากกว่า นั่นคือชีวิตนิรันดร์ พระเยซูคริสต์มาช่วยรักษาโรคที่ยิ่งใหญ่กว่าคือคือโรคของความบาป มาล้างความบาปให้เรา เรามีคุณค่าในสายพระเนตรพระเจ้า
กิจการ 3: 8 เขาจึงกระโดดขึ้นยืนและเดินเข้าไปในพระวิหารด้วยกันกับเปโตรและยอห์น เดินเต้นโลดสรรเสริญพระเจ้าไป คนง่อยเดินเต้นโลดสรรเสริญพระเจ้า  ให้เรามอบชีวิตของเรากับพระเจ้าให้เราชื่นชมยินดีในพระเจ้าของเรา และเราอย่ากังวลในชีวิตของเรา แต่ให้เราได้ประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าให้กับคนอื่นได้รู้จักพระเจ้า 
วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม  2012
แบ่งปันพระพร อาจารย์สุขสันต์ สุขเลิศดิลกกุล
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   มาระโก 2:1-12 , มัทธิว 5:17,ลูกา 5:17-26
คำนำ พระเยซูคริสต์ได้ทำพันธกิจประกาศ  สั่งสอน รักษาโรค ขับผีทั่วแคว้นกาลิลี มีคนทุกแห่งทุกตำบลมาหาพระองค์ จนถึงกับพระองค์เสด็จเข้าไปในเมืองอย่างเปิดเผย   ครั้งล่วงไปอีกหลายวัน  พระเยซูก็เสด็จเข้าไปในเมืองอีกเมืองคือเมืองคาเปอนาอุม เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือริมฝั่งทะเลสาบกาลิลี มีคนติดตามพระองค์มากมายฟังคำสอนของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสอน  ด้วยสิทธิอำนาจสูงสุดที่มาจากพระเจ้า (มาระโก1:21) ไม่ใช่จากการเรียนรู้  ครูบาอาจารย์แต่มาจากพระเจ้า แต่ถ้าเรามีสิทธิอำนาจที่มาจากพระเจ้า จะไม่มีวันหมด นี่เป็นเรื่องจริง ในฐานะเราเป็นลูกของพระเจ้าคนหนึ่ง  ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร  ไม่ใช่โดยความรู้ความสามารถของเราแต่โดยพระคุณและความเชื่อ  แท้จริงเราไม่ได้ต่างจากคนง่อยคนนี้  ทำอะไรไม่ได้ถ้าหากไม่ใช่พระคุณของพระเจ้า
ถ้าพระเจ้าไม่ให้เราได้ยินเรื่องของพระองค์
 พระเจ้าได้ให้สิทธิอำนาจในฝ่ายพระวิญญาณ ซื่งประกอบความเชื่ออย่างไรบ้าง ? 3 เชื่อ
1. (เชื่อ  = ลงมือ) ลงมือหามไป(มก 2:3)
เมื่อได้ยินว่าพระเยซูเสด็จมาอยู่ในเมืองคาเปอนาอุมมีสี่สหายหามคนง่อยคนหนึ่งไปหาพระเยซูคริสต์  อีกครั้งแสดงว่าพระองค์เคยมาแล้ว และครั้งนี้พระองค์ประทับอยู่ที่บ้าน อาจเป็นบ้านของเปโตร (มก1:21,29) ถ้าเราไม่ได้ยินเรื่องพระองค์(ไม่รู้จักพระองค์) ถ้าเราไม่เคยได้ยินเรื่องพระเยซู เราก็ไม่สามารถรู้เรื่องของพระเยซู(ความเชื่อเกิดจากการได้ยินในพระธรรม  (โรม10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์) สี่สหายคนรู้ว่าคนง่อยคนนี้ต้องการอะไรเขามีความเชื่อและลงมือ ?......แต่ไม่ถ้าหากรู้เพียงว่าคนง่อยต้องอะไร ?หากปราศจากความรักก็คงไม่หามไป  แต่เขาลงมือหามคนง่อยไปหาพระเยซู
 ดังนั้น  สิ่งสำคัญมาก คือการรู้การสนิทสนมกับพระองค์สำแดงชีวิตของพระองค์อยู่ในชีวิต ความรักของพระเยซูคริสต์เวลานี้เราลงมือหามคนไปหาพระเยซูหรือยัง  วันหนึ่งเราอธิษฐานเผื่อคนกี่คนที่จะมาถึงพระองค์ สัปดาห์เราได้บอกข่าวดีให้คนที่ไม่รู้จักพระเจ้ากี่คน ท่านเป็นคนสำคัญแม้คนอื่นหรือตัวเองจะมองตัวเราอย่างไร  เมื่อพระเยซูตรัสว่าท่านทั้งเป็นคนสำคัญ  เราเป็นคนสำคัญมาก เวลานี้เราลงมือหรือยัง  คนที่ง่อยอยู่ในมือของเราหรือ ในคริสตจักร กว่า 180 คนเราอยู่ในนั้นที่กำลังหามคนง่อยไป
หลายคนรับใช้พระเจ้าเต็มเวลาโดยที่ไม่มีเงินเดือน 
2. (ความเชื่อ = ต่อสู้)    รื้อด้วยใจกล้า (กล้าเสี่ยงกับพระเยซู)
หลังคาบ้านทั่วไปในสมัยนั้น หญ้าดินหญ้า ทำด้วยโคลนผสมฟาง มีบันไดนอกอาคารขึ้นสู่หลังคา ดังนั้น 4 คนนี้ขึ้นบันไดสู่หลังคาได้ และก็รื้อหลังคานั้น  นี่เห็นถึงความพยายาม ความอดทน และแสดงถึงความกล้าหาญ   คนสี่คนนี้ต้องเสี่ยงหลายอย่าง และต้องใช้ความกล้า ต้องเสี่ยงต่อบ้านคนอื่น เหมือนรบกวนคำสอนพระเยซูที่กำลังอยู่เทศนาอยู่ อยู่ดีๆมีคนเจาะหลัง
เวลาที่เรากำลังต่อสู้กับปัญหา  ให้เราอดทนต่อสู้กับปัญหา  เพราะพระเจ้าทรงเป็นความจริงทรงเป็นพระเจ้าของเรา อย่าให้ปัญหาขัดขวางเราที่จะมาหาพระเจ้า แต่ให้เราทูลกับพระเจ้าเพื่อใม่ให้ขัดขวางเราได้ เพราะพระองค์ทรงมีชัยชนะเหนือทุกสิ่งมารซาตาน ที่คอยขัดขวางและทำลาย  เพื่อไม่ให้เราไปถึงพระพักตร์ของพระองค์
3. (ความเชื่อ = วางใจ) หย่อนด้วยความเชื่อ(มก2:4) (ฮีบรู11:1)แน่ใจในความหวัง  ก่อนที่คนสี่สหายจะมองเห็นพระเยซูได้อย่างชัดเจนและปล่อยมือให้พระเยซูรักษา ต้องผ่านอุปสรรคที่หนักพอสมควร ต้องเอาเชือกหย่อนลงไปความเชื่อสามารถชนะอุปสรรค ความเชื่อจะเกิดผลก็ต่อเมื่อ เราอยู่หน้าพระเยซู 
ใช้เวลาของพระเยซูคริสต์  พี่น้องอย่าเพิ่งท้อใจ  พี่น้องในครอบครัวที่ยังไม่ได้มาโบสถ์  เพราะพระเยซูคริสต์ตรัส(มัทธิว28;19-20)ว่า ท่านทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนให้เป็นสาวกของเรา  ในพระธรรมมัทธิว 28:19-20 ฉบับNIV ออกไปสร้างสาวก  การสร้างต้องอยู่ในขบวนการต้องใช้เวลา  ต้องใช้ความอดทน  เพราะเขาอยู่ขั้นตอนถูกสร้าง 3:16  เพื่อทุกคนที่เชื่อและวางใจ
สรุป
 เมื่อสี่สหายรวมถึงง่อย เชื่อต่อสู้และเชื่อวางใจ  เขาได้รับการรักษา สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการรักษา อาการเป็นง่อยในร่างคือ ความบาปได้รับการยกโทษแล้ว
                เหตุนี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่เราจะนำคนไปถึงพระเยซู เพราะโรคหลายโรค เทคโนโลยีพัฒนาขึ้นมีหมอเก่งๆมากขึ้น  แต่ไม่มีหมอท่านไหนที่จะยกบาปได้นอกจากพระเยซูคริสต์  ชีวิตของเขาเป็นเวลาของพระเจ้า
(สุภาษิต 3:5 จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้าอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง)
*(ทุกข์เพราะรัก  โรม 8:18 ความทุกข์ยากในปัจจุบันไม่อาจเปรียบกับศักดิ์ศรีที่พระเจ้าให้กับเรา )

วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม  2012
แบ่งปันพระพร อาจารย์ ดร.ทะนุ วงศ์ธนาธิกุล
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   เอสเธอร์ 4
คำนำ
 ชีวิตการติดตามพระเจ้าเราต้องเรียนในการยอมจำนนกับพระเจ้า แม้ว่าปัญหาต่างๆจะเข้ามาในชีวิตของเราให้เรามองที่พระเยซู  ไม่ต้องกังวลวางใจพระเจ้าเช่นเดียวชีวิตของพระราชินีเอสเธอร์  และช่วงที่นี้เป็นเทศกาลปูริมแปลว่า การสลาก ที่คนยิวมีการเฉลิมฉลองเทศกาลปูริม ที่ได้รับการช่วยเหลือ   พระธรรมเอสเธอร์ 4:16  " ไปเถิด ให้รวบรวมพวกยิวทั้งสิ้นที่หาพบในสุสา และถืออดอาหารเพื่อฉัน อย่ารับประทาน อย่าดื่มสามวันกลางคืนหรือกลางวัน ฉันและสาวใช้ของฉันจะอดอาหารอย่างท่านด้วย แล้วฉันจะเข้าเฝ้ากษัตริย์แม้ว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้าฉันพินาศ ฉันก็พินาศ"  ในช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ชาวอิสราเอลตกเป็นทาสของประเทศบาบิโลน มีกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ชื่อ อาหสุเอรัส  ทรงครอบครองอาณาจักรใหญ่มาก และทรงมีอิทธิพลมาก  กษัตริย์อาหสุเอรัส ให้ไปเชิญพระราชินีวัชทีสวมมงกุฎมาเฝ้ากษัตริย์ เพื่อจะให้ประชาชนและเจ้านายของพระองค์ได้ชมสง่าราศีโฉมของพระนาง เพราะพระนางงามนัก แต่พระราชินีวัชทีทรงปฏิเสธไม่มาตามพระบัญชาของกษัตริย์ที่รับสั่งไปกับขันที เช่นนี้กษัตริย์ทรงเดือดดาล และพระพิโรธ ได้มีการปลดจากตำแหน่งจึงได้มีการออกตามหาราชินีคนใหม่ กษัตริย์ได้รับสั่งหาหญิงพรหมาจารีย์ มาถวายพระองค์ กษัตรยิ์ได้พอใจเอสเธอร์มากเพราะนางเป็นผู้หญิงที่สวย เป็นลูกเลี้ยงของโมรเดคัยและเป็นชาวยิว ในช่วงนั้นฮามานได้รับการเลื่อนยศที่สูงขึ้นไปไหนมามนไหนต้องมีคนกราบไหว้แต่โมรเดคัยไม่กราบไว้เนื่องจากจะกราบไว้พระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ฮามานกลัวเสียเกียรติและจึงคิดวางแผนทำร้ายโมรเดคัยและคนยิวทั้งหมดเขา ฮามานได้ยื่นข้อเสนอกับกษัตริย์ว่า “ ขอทรงออก กฤษฎีกาให้ทำลายล้างเขาเสียเถิด และข้าพระองค์จะถวายเงินหนึ่งหมื่นตะลันต์ใส่มือบรรดาผู้ที่ดูแลพระราชกิจของกษัตริย์” เขาตั้งใจฆ่าชาวยิว พระราชินีเมื่อรู้เช่นนั้นตัดสินได้อดอาหารและขอให้ชาวยิวอดด้วยเพื่อเขาจะเข้าเฝ้ากษัตริย์นางกล่าวว่า “ ถ้าฉันพินาศ ฉันก็พินาศ"
เพื่อพี่น้องและคนที่นางรัก พระเจ้าต้องการคนเหล่านี้ในการรับใช้พระเจ้า หัวใจที่กล้าเพื่องานของพระเจ้า ให้เราเลือกที่จะเชื่อฟังพระเจ้าทุกอย่างให้พระเจ้ามาก่อน และเรายอมจำนนต่อพระเจ้าเพื่อให้คนเหล่านั้นได้รับความรอดหรือยังให้เราถามใจเราเอง
6:3 กษัตริย์ตรัสว่า "ได้ให้เกียรติและยศอะไรแก่โมรเดคัยเพราะเรื่องนี้บ้าง" ข้าราชการของกษัตริย์ผู้ปรนนิบัติพระองค์ทูลว่า "ยังไม่ได้ให้สิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ"  โมรเดคัย แม้ว่าเป็นคนขอทาน โมรเดคัยทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในการติดตามพระเจ้าให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้องและถวายเกียรติแด่พระเจ้าในสิ่งเล็กน้อยที่เรามีอยู่เพื่อพระองค์ พระเจ้าทรงมีบำเหน็จให้เรา และผู้ที่รับใช้พระเจ้าจะไม่ขาดบำเหน็จของพระเจ้าเลย พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ พระเยซูทรงมาตายเพื่อคนบาป ทำไมพระองค์ถึงยอม พระเยซูทรงรักโลกจึงยอมตายบนไม้กางเขนเอทุกคน พระเยซูทรงเป็นขึ้นจากความตายนั้นแสดงว่าพระเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ และชีวิตเราพระเจ้าให้เราสามารถเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้าทุกวัน
 นางเอสเธอร์ได้เชิญกษัตริย์กับฮามานมาในงานเลี้ยงพระราชินีเอสเธอร์เพื่อแก้แค้น พระนางเอสเธอร์กลับใจจากสิ่งร้ายทำดีกับเขา ตอบแทนด้วยความดีกับเขา เพราะการแก้แค้นเป็นของพระเจ้าให้เราฝากไว้กับพระเจ้า พระเจ้าจะให้ความชื่นชมยินดีกับเรา 

วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม  2012

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์  2012
แบ่งปันพระพร อาจารย์ไพบูลย์ สุขเลิศดิลกกุล
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   กิจการ 13:32,33
คำนำ
"เรานำข่าวประเสริฐนี้มาแจ้งแก่ท่านทั้งหลายว่าพระสัญญาซึ่งทรงประทานแก่บรรพบุรุษของเรา พระเจ้าได้ทรงให้สำเร็จตามนั้น " (กิจการ 13:32,33)  เวลาใกล้แล้วที่เราต้องนำข่าวประเสริฐให้กับทุกคนรับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของพระเจ้าว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
1.ต้องทิ้งตัวเก่า ของเรา   (เอเฟซัส 4:22) ท่านจงทิ้งตัวเก่าของท่านซึ่งอยู่คู่กับชีวิตเดิมนั้นเสีย
2 โครินธ์ 5:17. เหตุฉะนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แนะ กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”เมื่อเราทราบว่าพระเจ้ารักเรามาก ก็ให้เราดำเนินชีวิตใหม่กับพระเจ้า  ให้เราทิ้งอุปนิสัยเดิมๆของเรา ให้เหมาะสมกับที่พระเจ้าได้ตายไถ่ความบาปให้เราและดำเนินชีวิตที่เป็นพระพร เราต้องฉายพระลักษณะของพระเจ้าให้กับผู้อื่นได้รับรู้
2.เชื่อฟัง (ฮีบรู 11:8 ) อับราฮัมมีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ท่านออกเดินทางไปยังที่ซึ่งท่านจะรับเป็นมรดก ท่านได้เชื่อฟังและได้เดินทางออกไปโดยหารู้ไม่ว่าจะไปทางไหน"  การเชื่อฟังของอับราฮัมจึงทำให้ลูกหลานได้รับพระพร อับราฮัมไม่สงสัยในพระเจ้า  ท่านวางใจในพระเจ้าว่า.......พระองค์จะดูแลและอวยพรพงษ์พันธ์ของเขา  อับราฮัมจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งความเชื่อ การติดตามพระเจ้าเราต้องวางใจในพระองค์และพระองค์จะทำให้ชีวิตของเราราบรื่น
3.ไม่ย่อท้อ  กาลาเทีย 6:9-10  “อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวก็ในเวลาอันสมควร  เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาส ให้เราทำดีต่อคนทั้งปวง และเฉพาะอย่างยิ่งต่อครอบครัวที่มีความเชื่อ”  อย่าย่อท้อในให้เราทำทุกอย่างเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าของเรา
วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์  2012
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์ศุภชัย  วงศ์ธนาธิกุล
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   กิจการ 1:1-5   
คำนำ
พระธรรมกิจการผู้เขียนคือ นายแพทย์ลูกา ซึ่งเป็นเรื่องราวคำสอนและพระราชกิจของพระคริสต์  ยังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์และสาวกได้กระทำการอัศจรรย์ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นการเสริมกำลังแก่บรรดาสาวกและคนอื่นในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า
กิจการ 1:1-5   ในเวลานั้นพระเยซูได้ทรงพิสูจน์ว่าพระองค์ยังทรงเป็นอยู่และได้ฟื้นคืนพระชนม์จากอุโมงค์พร้อมร่างกาย และหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์แล้ว พระองค์ได้ทรงพระบัญชาต่อเหล่าสาวกถึงความจริงหลายประการที่พวกเขาไม่เข้าใจ จนกระทั่งพวกเขาได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ เริ่มมีการเข้าใจหลักคำสอน และเริ่มเข้าใจคำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เดิมและนำคำสอนในพระคัมภีร์ใหม่  40 วันก่อนการเสด็จสู่สวรรค์ของพระคริสต์นับว่าเป็นระยะเวลาที่สำคัญสำหรับบรรดาสาวกและคริสตจักรที่ถูกตั้งขึ้น
กิจการ 1:6-11  การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระคริสต์  พระองค์ทรงบัญชาให้พวกเขาออกไปประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้าให้ทั่วแผ่นดินโลก พระองค์ได้ชูใจเขาด้วยความจริงที่ว่า พวกเขาจะสามารถทำการเหล่านี้โดยฤทธานุภาพของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เมื่อมีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับเรา  เราสามารถทำได้ทุกสิ่งและพระองค์จะรับรองชีวิตของเราในการรับใช้พระเจ้า
 กิจการ 1:12-2:4 พระเยซูทรงสัญญาไว้ว่า ไม่นานนักหลังจากพระองค์เสด็จสู่สวรรค์ พระองค์   จะทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมา  (กิจการ 1:5 )
พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาใน  วันเพนเทคศเต  เนื่องจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่มีรูปไม่สามารถมองเห็นได้จึงไม่สามารถรู้ว่าพระองค์เสด็จมาเมื่อไหร่  มีเหตุการณ์บางอย่างกับบอกให้รู้เมื่อพระองค์เสด็จมาผู้เชื่อ ได้ยินเสียงพายุ ฟ้าร้อง และพวเขายังเห็นเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นปรากฎแก่ผู้เชื่อแต่ล่ะคน และพวกเขาพูดภาษาอื่น ๆได้ พระเจ้าทรงใช้ภาษาอื่นๆเพื่อเปิดโอกาสให้การเทศนาประกาศพระกิตติคุณของพระองค์ในด้านภาษาพูด
กิจการ 2:5-47  เหตุการณ์ในวันเพนเทคศเต ชาวยิวกระจัดกระจายไปอยู่ทั่วโลกให้มารวมตัวอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มเป็นจำนวนมากเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลของชาวยิว พวกเขาพูดภาษากรีก ภาษาอาราเมค และภาษท้องถิ่นของพวกเขาเอง บรรดาผู้ที่เดินทางมานี้ต่างก็ประทับใจ เมื่อได้ยินชาวกาลิลีกลุ่มเล็กๆ นี้พูด ด้วยภาษาท้องถิ่นของเขา  กิจการ2:6-8 เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้พวกยิวเกิดความสับสน พวกเขายังปรารถนารู้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้เป็นไปอย่างไร  เปโตรได้เทศนาได้กล่าวแทนสาวกทั้งปวงโดยนำเอาคำของผู้เผยพระวจนะโอเอลมากล่าวเพื่อให้เขาเข้าใจมี 2 ประการ
1.พระเจ้าทรงเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณประทานแก่มนุษย์ทั้งปวง
2.ผู้ใดก็ตามที่ออกพระนามของพระองค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด พระเจ้าให้สิทธิกับเราให้เราทูลขอปัญหาของเรากับพระเจ้า


วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์  2012

วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์  2012
แบ่งปันพระพร อาจารย์ ดร.ทะนุ วงศ์ธนาธิกุล
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   โรม 5
คำนำ
เราสามารถขอบคุณพระเจ้าได้ไหม เราสามารถขอบพระคุณพระเจ้าในปัญหาที่เราต้องเผชิญได้ไหม และเรายังจะสามารถยืนสู้กับปัญหาได้ไหม นั่นเพราะว่าไม่ว่าเราจะทนทุกข์มากสักเท่าไร พระเจ้าก็ทรงรู้ความทุกข์ของเรา รู้ว่าเรามีความทุกข์มากแค่ไหนแต่โดยบาดแผลของพระเยซูคริสต์ เราจะผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้ เพราะพระเจ้าทรงรับความทุกข์ทั้งหมดไว้แล้ว  ดังในพระธรรม โรม บทที่  7 ผู้เขียนได้มีความทุกข์ยากลำบาก และได้มองตัวเองเป็นศูนย์กลาง มากกว่าสิ่งอื่นๆ  แต่ผู้เขียนก็ได้เปลี่ยนความคิดดังในข้อที่ 25 ผู้เขียนได้ให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางแทนตัวเอง
                      ต่อมาในพระธรรมโรม 8 : 1 มีคำถามอยู่ข้อหนึ่ง คือตอนนี้เราได้อยู่ในพระเยซูคริสต์แล้วหรือยัง ?? แต่เมื่อเรามีพระเยซูคริสต์แล้ว การลงโทษก็จะไม่เกิดขึ้น ในรากศัพท์ของคำว่า การลงโทษ ในภาษาอังกฤษ ยังแปลได้อีกอย่างหนึ่ง คือคำว่า การประณาม ผู้ที่ได้ประณามเก่งที่สุดก็คือมาร มารซาตานจะคอยประณามเราว่า เรามีบาป เราเป็นคนไม่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า แต่พระเจ้าของเราไม่ได้มองอย่างนั้น พระองค์ได้มองว่าเราเป็น   
คนชอบธรรม เพราะว่าเราทุกคนเป็นคนที่พระเจ้าทรงไถ่จากความบาปทั้งสิ้นแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงรู้ว่าชีวิตของเราอยู่เพื่ออะไร ?? ในโลกของความเป็นจริง ถ้าเรามีชีวิตเพื่อครอบครัว แล้วถ้าครอบครัว แตกสลายละ เราจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ? ชีวิตคริสเตียนของเรามีชีวิตอยู่เพื่อจะเตรียมตัว เพราะในวันหนึ่งพระเยซูคริสต์จะกลับมารับเรากลับไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์ และพระธรรมโรม พระเจ้าได้กระทำสำเร็จแล้ว สำเร็จจากอะไร จากธรรมบัญญัติ ว่าพระองค์จะทรงไถ่บาปมนุษย์ และในข้อที่ 5 ยังใช้คำว่า ปักใจ ในรากศัพท์เดิม คำนี้ได้แปลได้อีกคำคือ คำว่า ครอบงำ เพราฉะนั้นอย่าให้ความบาปมาครอบงำชีวิตของเรา
เพราะความครอบงำอยู่กับเนื้อหนัง ก็คือความตาย แต่พระเยซูคริสต์ก็ได้ไถ่ความบาปทั้งหมดแล้ว พระองค์ทรงกระทำสำเร็จแล้ว
วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม  2012
แบ่งปันพระพร ผู้ปกครองวิชัย ตรังคสมบัติ
นำคนสู่พระคริสต์        พระธรรม   วิวรณ์ 4:11
คำนำ
จิตใจของมนุษย์ถ้าไม่มีพระเจ้าจะหวั่นไหวต่ออุปสรรคต่างๆ จะทำให้ใจไม่นิ่งเพราะมีกิเลสมายั่วยุให้โลเลกับเหตุการณ์ ซึ่งแตกต่างจากคนที่มีพระเจ้า จะมีหัวใจที่มั่งคงจะไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค เช่น ต้นไม้ที่มีความหยั่งลึกลงในรากทำให้ไม่ล้มและมีชีวิต และชีวิตของเราต้องประกอบไปด้วยพระวจนะคำของพระเจ้าเพื่อเป็นการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเราให้เติบโตขึ้นกับพระเจ้า
บทบาทของจิตใจ   พระเจ้าทรงทรงให้สิทธิอำนาจและเสรีภาพกับมนุษย์ทั้งปวง มี ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ   จิตใจ ควบคุม สั่งการร่างกายให้ทำสิ่งต่างๆตามที่คนต้องการ ในพระธรรม  วิวรณ์ 4:11  องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย  พระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงนั้นก็ทรงสร้างขึ้นแล้ว และดำรงอยู่ตามชอบพระทัยของพระองค์พระเจ้าทรงสร้างทุกอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีทั้งหมดพระเจ้าทรงให้มนุษย์เป็นผู้ครอบครอง  แต่มนุษย์มีทั้งดีและชั่ว พระเจ้าได้สร้างมนุษย์หลายความรู้สึก   ใจเป็นศูนย์กลางของอารมณ์ ประกอบไปได้วย    ใจที่ยินดี (อพย 4:14)    ใจที่แสดงความรัก (ฉธบ 6:5)    ใจที่เกรงกลัว (ยชว 5:1)   ใจที่กล้าหาญ (สดด 27:14)  ใจที่สำนึกผิด (สดด 51:17) ใจที่โกรธ (สภษ 19:3) ใจที่โศกเศร้า (พคค 2:18)  พระองค์ทรงให้เสรีภาพในการตัดสินใจให้กับเรา พระองค์ไม่ได้บังคับเราในการตัดสินใจ หากคนที่ยอมจำนนกับพระเจ้า ย่อมจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผ่านทางการแสวงหาพระเจ้า จะทำให้เข้าใจถึงการดำเนินชีวิตและการติดตามพระเจ้า
1.มีใจที่สรรเสริญพระเจ้าหมดหัวใจ 2.แสวงหาพระเจ้าหมดทั้งใจ  3.จดจำพระวจนะไว้ในใจ  4.ร้องเพลงจากใจ  4.วางใจพระเจ้าอย่างหมดใจ                      
ถ้าจิตใจที่แยกจากพระเจ้า
ในพระธรรม ยรม 17:9  จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ใครจะรู้จักใจนั้นเล่า?”   “ เพราะว่าจากภายในมนุษย์หรือจากใจของมนุษย์นั่นแหละที่ความคิดชั่วร้ายเกิดขึ้นมา คือ
การล่วงประเวณี การลักขโมย การฆ่าคน การเป็นชู้ การโลภ การอธรรม การล่อลวง ราคะตัณหา การอิจฉา การใส่ร้าย ความเย่อหยิ่ง ความเขลา
มก 7:21-22
น้ำพระทัยของพระคริสต์  ( 1 คร 2:16)
การมีพระทัยของพระคริสต์ คือ
น้ำพระทัยของพระเจ้านั้นพระองค์ต้องการให้เราการรู้จักแผนการและพระประสงค์แห่งการทรงไถ่ และ การประเมินค่าและมองดูสิ่งต่างๆในลักษณะที่พระเจ้าทอดพระเนตร คือการให้คุณค่าแก่สิ่งต่างๆแบบเดียวกับพระเจ้ารักสิ่งที่พระองค์ทรงรัก เกลียดสิ่งที่พระองค์ทรงเกลียด
วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม  2012

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม  2012

วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม  2012
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์วิเศษ สุทธิประภา
รีบนำวิญญาณ        พระธรรม   มัทธิว 24 : 3-14 , มัทธิว 24 : 45-51
คำนำ
                 ผู้เชื่อทุกคนควรระวังในการดำเนินชีวิตกับพระเจ้าอยู่สม่ำเสมอ  เพื่อเราจะไม่พลาดจากทางของพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเตรียมรางวัลให้กับเราตามเวลาอันสมควรให้กับลูกของพระองค์ทุกคน ให้เราเชื่อและรอคอยพระเจ้า โดยการเดินตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์
มัทธิว 24:3-14                                   
                 ในการเริ่มต้นของปีใหม่นี้ให้เราทุกคนคอยระแวดระวังชีวิตของเราให้พร้อมอยู่เสมอ  เพราะเราไม่รู้ว่าพระเจ้าจะมาในเวลาใด ในพระวจนะของพระเจ้าให้เราสังเกตหมายสำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกปัจจุบันนี้ที่ไม่เคยเกิดขึ้น  ในฐานะที่เราเป็นลูกของพระเจ้า  อย่าให้ผู้ใดล่อล่วงท่านให้หลง ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัวหรือ คนรอบข้าง ให้เราขอให้พระเจ้าทรงล่อหลอมเราให้เรามีความรัก  และให้เรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  ให้เรายึดมั่นหลักข้อเชื่อ เราอย่าหวั่นไหว และเราจะสามารถเติบโตขึ้นกับพระเจ้าของเรา ดังนี้
1.คุยกับพระเจ้าทุกวัน  โดยการอธิษฐานสนทนาและใช้เวลากับพระเจ้าตลอดเวลา
2.ให้พระเจ้าทรงตรัสกับเราทุกวัน ผ่านทางการอ่านพระวจนะของพระเจ้า ตามตารางเมนูการอ่านพระคัมภีร์ เพราะเราจะได้คำตอบที่มาจากพระเจ้า พระวจนะเป็นอาหารล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเรา
3.ให้เราเป็นพยานเรื่องราวของพระเจ้าทุกวัน  ให้กับคนที่ยังไม่เคยได้ฟัง  ให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการนำจิตวิญญาณมาถวายคืนให้กับพระเจ้าของเรา
4.อย่าขาดการประชุม  ให้เรามานมัสการพระเจ้าทุกอยาทิตย์  เป็นการนมัสการร่วมกันกับพี่น้อง หรือเป็นการหนุนใจกัน ให้กำลังใจกัน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเติบโตขึ้นกับพระเจ้า
ข้อที่ 9 ในเวลานั้นเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้ให้ทนทุกข์ลำบากและจะฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่างๆจะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา” เวลานี้มีคนอ้างตัวเองว่าเป็นพระคริสต์มาทำให้หลักความจริงผิดเพี้ยนไป แต่เราต้องมีความจงรักภักดีต่อพระเยซูคริสต์ตลอดชีวิตของเรา และสัตย์ซื่อกับพระองค์เพราะพระเจ้าได้เตรียมบำเหน็จให้กับคนที่รักพระองค์
มัทธิว 24:45-51
“ ใครเป็นผู้รับใช้สัตย์ซื่อและฉลาด ที่นายได้ตั้งไว้เหนือพวกผู้รับใช้สำหรับแจกอาหารตามเวลา
 เมื่อนายมาพบเขากระทำอยู่อย่างนั้น ผู้รับใช้ผู้นั้นก็จะเป็นสุข เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลบรรดาข้าวของของท่านทุกอย่าง  แต่ถ้าผู้รับใช้ชั่วนั้นจะคิดในใจว่า `นายของข้าคงมาช้า'  แล้วจะตั้งต้นโบยตีเพื่อนผู้รับใช้และกินดื่มอยู่กับพวกขี้เมา  นายของผู้รับใช้ผู้นั้นจะมาในวันที่เขาไม่คิด ในโมงที่เขาไม่รู้ และจะทำโทษเขาถึงสาหัส ทั้งจะขับไล่ให้เขาไปเข้าส่วนกับพวกคนหน้าซื่อใจคด ซึ่งที่นั่นจะมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน"
คนที่ไม่ระวังชีวิตแสวงหาความสนุกเพลิดเพลินตามใจชอบตามกระแสของโลก  พวกนี้ต้องรับผิดชอบกับพระเจ้าในเวลาอันควร  เมื่อถึงวันพิพากษาก็จะมีการร้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม  2012
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์ชลิต โตพึ่งพงษ์
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 14 : 28-31
คำนำ   
           ในปีใหม่นี้พระเจ้าอวยพระพรให้แก่เราทั้งหลาย ก็เพราะว่าพระเจ้าทรงรักเราทุกคนจนได้ทรงประทานพระเยซูคริสต์เพื่อมาไถ่เราทั้งหลายและสิ่งที่เราควรตอบสนองความรักของพระเจ้าคือการเดินตามแบบอย่างพระเยซู
1.จงกลับใจเสียใหม่ ซึ่งเราเป็นเหมือนบุตรน้อยหลงที่ได้หลงเสียจากบิดาของตน แต่แล้ววันหนึ่งบุตรน้อยก็ได้กลับใจใหม่และไปคืนดีกับพระเจ้า ให้เราทั้งหลายควรสำรวจชีวิตของเราว่า เราห่างเหินจากพระเจ้าหรือเปล่า? เราทั้งหลายได้ลืมถึงพระคุณของพระเจ้าหรือเปล่า? ให้เราสำนึกในพระคุณของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลาในชีวิตเรา
2.จงมีความเชื่อมั่นคง หลายๆครั้งเราเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง ดังในพระธรรมมัทธิวบทที่ 14:28-31 ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์" พระองค์ตรัสว่า "มาเถิด" เมื่อเปโตรลงจากเรือแล้ว เขาก็เดินบนน้ำไปหาพระเยซู แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า "พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย" ในทันใดนั้นพระเยซูทรงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ แล้วตรัสกับเขาว่า "โอ คนมีความเชื่อน้อย เจ้าสงสัยทำไม" อย่าให้เราทั้งหลายเป็นเหมือนเปโตร ที่มีความเชื่อน้อยเนื่องจากมองสถานการณ์รอบข้าง จึงทำให้เปโตรจม  แต่ในฐานะที่เราทั้งหลายเป็นลูกพระเจ้า เราควรที่จะมองที่พระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ให้เราเชื่อว่าพระเยซูจะทรงช่วยเราทั้งหลายได้ แต่แล้วเมื่อเปโตรจมลงในน้ำ พระเยซูก็ยังทรงเรียกเพื่อช่วยเหลือเปโตร เช่นเดียวกับเราทั้งหลายในเวลาที่เรากำลังเจอกับทางตัน เจอกับความทุกข์ยากลำบาก พระเยซูก็ยังทรงอยู่เคียงข้างเรา ยังคอยช่วยเราเสมอ
ในปีใหม่ 2555 นี้ เราทั้งหลายควรที่จะหันเสียจากความบาป แต่ให้เรากลับเสียใหม่ เอาจริงเอาจังกับพระเจ้า เดินตามทางที่พระองค์วางให้แก่ไว้ และที่สำคัญ คือ จงมีความเชื่อ
 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นหลักฐานมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง”
วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม  2011   
คริสตมาส
วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม  2011                            
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์วิเศษ สุทธิประภา  
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 1 : 18-25
คำนำ
ในเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความชื่นชมยินดี เป็นวันฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูคริสต์ที่ลงมาบังเกิดในโลกนี้  เพื่อมาช่วยปลดปล่อยให้มนุษย์ได้รอดพ้นจากความบาป ให้เราชื่นชมยินดีในพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา และเราจะไม่โศกเศร้าอีกต่อไป
 ประการที่ 1  (ข้อ18-20)
“ มารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซูนั้น เดิมโยเซฟได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกันก็ปรากฏว่า มารีย์มีครรภ์แล้วด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์  แต่โยเซฟสามีของเธอเป็นคนชอบธรรม ไม่พอใจที่จะแพร่งพรายความเป็นไปของเธอ หมายจะถอนหมั้นเสียลับๆ  แต่เมื่อโยเซฟยังคิดในเรื่องนี้อยู่ มีทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า "โยเซฟ บุตรดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของเจ้าเลย เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ “ มารีย์และโยเซฟเป็นคนที่รักพระเจ้ายอมให้พระเจ้าใช้ชีวิตของเขา ยอมเชื่อฟังและทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าตามที่ทูตสวรรค์ได้กล่าว จึงทำให้ทุกอย่างสำเร็จในชีวิตของมารย์และโยเซฟโดยการทรงนำของพระเจ้า แล้วเราพร้อมที่จะให้พระเจ้าใช้ชีวิตของเราหรือยัง?
ประการที 2  (ข้อ21-23)
“เธอจะประสูติบุตรชาย แล้วเจ้าจะเรียกนามของท่านว่า เยซู เพราะ ว่าท่านจะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขาทั้งหลาย ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งตรัสไว้ โดยศาสดาพยากรณ์ว่า`ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล ซึ่งแปลว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา” พระคริสต์ได้ประสูติเพื่อมาช่วยปวงชนมนุษย์เมื่อเราเชื่อ เราจะได้รับความรอดในพระเจ้าคือการปลด ปล่อยความบาปจากพระเจ้า และเราควรจะชื่นชมยินดีในพระเจ้าเพราะนามของพระเจ้ามีว่า อิมมานูเอล แปลว่า พระเจ้าทรงสถิตกับเรา ทุกปัญหาของทั้งสิ้นให้เรามอบไว้กับพระเจ้าให้พระเจ้าช่วยเราเพราะทุกปัญหาพระเจ้ามีหนทางออกให้กับเราให้เราชื่นชมยินดี
ประการที่ 3  (ข้อ24-45)
                “ครั้นโยเซฟตื่นขึ้นก็กระทำตามคำซึ่งทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งเขานั้น คือได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา  แต่มิได้สมสู่กับเธอจนประสูติบุตรชายหัวปีแล้ว และโยเซฟเรียกนามของบุตรนั้นว่า เยซู”   ให้เราเชื่อและวางใจในพระเจ้าและให้เราเปลี่ยนความโศกเศร้าให้เป็นการชื่นชมยินดีในชีวิตของเราเพราะพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา  พระเจ้าทรงอยู่กับเราให้เรายอมจำนนชีวิตของเรากับพระเจ้า ให้มากยิ่งขึ้น ในปีใหม่นี้ให้เราเริ่มต้นใหม่กับพระองค์
ให้เราชื่นชมยินดีในพระเจ้า เพราะพระนามของพระเจ้าว่า    “อิมมานูเอล”แปลว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเรา
วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2011
แบ่งปันพระพร อาจารย์ ดร.ทะนุ  วงศ์ธนาธิกุล
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม  
คำนำ
          เดือนนี้เป็นเดือนแห่งการชื่นชมยินดีซึ่งเป็นวันที่พระเยซูได้มาประสูติในโลกเพื่อมนุษย์ เพื่อมาไถ่ความบาปให้กับมนุษย์เราไม่ต้องโศกเศร้าอีกไป
ข้อที่  2 ( นี่เป็นครั้งแรกที่ได้จดทะเบียนสำมะโนครัว) เป็นครั้งแรกทที่พระเจ้ากำหนดขึ้นมา เมื่อดูตามประวัติศาสตร์ ประเทศอิสราเอลได้ตกอยู่ในอำนาจของประเทศอื่น  การมาประสูติของพระเยซูทำให้อิสราเอลได้รับเสรีภาพ
ข้อที่ 4 ฝ่ายโยเซฟก็ขึ้นไปเมืองนาซาเล็ธแคว้นกาลิลีถึงเมืองของดาวิด ชื่อเบธเลเฮมแคว้นยูเดียด้วย (เพราะว่าเขาเป็นวงศ์วานและเชื้อสายของดาวิด) การเกิดของพระเยซูแม้ไม่ใช่เชื้อสายสายเลือดดาวิดโดยตรง แต่เกิดโดยพระวิญญาณ บริสุทธิ์ โยเซฟเป็นบิดาแค่ในนาม แต่โยเซฟต้องไปจดทะเบียน ลงในสำมะโนครัวทางกฎหมายซึ่งเป็นลูกของโยเซฟ พระเยซูเป็นเชื้อสายดำวิด
ข้อที่ 5  เขาได้ไปกับมารีย์ที่เขาได้หมั้นไว้แล้ว เพื่อจะขึ้นทะเบียนและนางมีครรภ์ ช่วงมารีย์มีครรภ์พระเจ้าได้กำหนดไว้แล้ว นางได้ประสูติบุตรหัวปีในพระคัมภีร์เดิมซึ่งเป็นของพระเจ้า เป็นเรื่องที่พระเจ้ากำเนิดไว้แล้ว เอาผ้าอ้อมพันที่รางหญ้าในโรงแรมมีหลายห้องไม่มีที่วาง ไม่ใครเสียสละห้องให้พระองค์เลย ทั้งๆที่โยเซฟเป็นเชื่อสายดาวิดไม่ใครเสียสละจึงต้องพามารีย์ไปคอกสัตว์
ประการที่ 1 ทุกอย่างไม่ใช่การบังเอิญ
ชีวิตของเราให้เราขอบคุณพระเจ้าได้ พระเจ้าสร้างเรามีวัตถุประสงค์เราไม่ต้องจมอยู่กับชีวิตเดิม แม้แต่โหราจารย์ยังไปคอกสัตว์เพื่อไปนมัสการพระเยซู เบื้องหลังชีวิตเราอาจไม่ดี แต่วันนี้เราเป็นคนใหม่เราไม่ต้องอับอายอีกต่อไป พระเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่
ประการที่ 2 พระเจ้าให้ชีวิตที่ผ่านความกลัวได้
10  ฝ่ายทูตสวรรค์องค์นั้นกล่าวแก่เขาว่า "อย่ากลัวเลย เพราะดูเถิด เรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย คือความปรีดียิ่งซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง ชีวิตของเราจะไม่กลัวได้  3 G ดังนี้
          Good new ข่าวดี ชีวิตที่ผ่านพ้น ทูตวสรรค์ได้นำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย พระเยซูทรงมาบังเกิด  มีนามว่า อิมมานูเอล พระเจ้าสถิตย์กับเรา หลายคนแสวงหาของดีแต่มาวันนี้องค์พระเยซูเจ้าทรงเป็นข่าวดีเรา
          Great joy ความปรีดียิ่ง ความชื่นชมยินดีในพระเจ้า เราอาจจะเปลี่ยนไปทุกเวลาเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์รู้สึก แม้อะไรเกิดขึ้นในชีวิตของเราให้เราตั้งพระเจ้าเป็นศูนย์กลางในชีวิตของเราให้เราชื่นชมยินดีจะทำให้เราขอบคุณพระเจ้าในเหตุการณ์ร้ายๆได้ และกองทัพของพระเจ้ามาร่วมร้องสรรเสริญพระเจ้าในชีวิของเราโดยมีเหล่าทูตสวรรค์ล้อมรอบเรา
          Glory to God พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ชีวิตสักวันหนึ่งเราต้องตาย คนที่เชื่อในพระเจ้าจะกลับไปที่แผ่นดินของพระเจ้า แต่วิญญาณของเราจะไปอยู่กับพระเจ้า แค่ท่านยื่นมือรับของขวัญจากพระเจ้า พระเจ้าจะประทานชีวิตนิรันดร์ให้ท่าน
วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2011
แบ่งปันพระพร ดร.กำจร เชาวรัตน์
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   2 ทิโมธี 3:1-7
คำนำ
เราทุกคนเป็นหนี้บุญของพระเจ้าที่พระเยซูได้ทรงไถ่ความบาปให้แก่เรา ความจริงแล้วชีวิตของเราไม่คู่ควรต่อแผ่นดินของพระเจ้า แต่โดยความรักของพระเจ้าทำให้ได้พ้นจากเวรกรรมต่างๆ พระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นที่ทำให้เราเป็นคนชอบธรรม และหาวิธีการให้เรากลับคืนดีกับพระเจ้าโดยการตายบนไม้กางเขนให้กับเรา การติดตามพระเจ้าบางครั้งอาจหลงทางจากทางของพระเจ้าไปบ้าง พระองค์ให้เวลากับเรากลับหาพระเจ้าและเราต้องบอกกล่าวข่าวดีให้กับคนที่หลงหรือยังไม่รู้จักพระเจ้าให้กลับมาหาพระเจ้า
                เพราะเราไม่รู้ว่า ตายเมื่อไหร่ ? ตายที่ไหน?ตายอย่างไร ? และเราจะ ไปอยู่ไหน ? ขณะนี้พระเจ้าให้เราอยู่ในโลกนี้ เหมือนกับเรากำลังอยู่ในสนามสอบว่า เราจะสอบได้หรือสอบตก คำตอบอยู่ในพระวจนะของพระเจ้าที่พระเจ้าได้ตอบเรา  พระเจ้าคืออาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่จะสอนเรา ถ้าเราเชื่อฟังพระองค์เราจะได้และเราผ่านและบรรลุเป้าหมายชีวิต
1.พระพรจากพระเจ้า 
พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ โลกเป็นของอนิจาเป็แค่ที่พักชั่วคราวของเรา สักวันเราต้องจากโลกนี้ไป บ้านถาวรของเราอยู่ที่บนสวรรค์ ทุกอย่างที่อยู่ในโลกไม่ใช่สิ่งถาวร ถ้าเราอยากไปอยู่บ้านสวรรค์เรา ต้องรู้จักเจ้าของสวรรค์ ถ้าเราไม่รู้จักเจ้าของสวรรค์เราไม่สามารถเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าได้
2. พระพรจากพระคัมภีร์
ถูกเขียนไว้หลายพันปี มีผู้เขียนทั้งหมด 40 คนแต่ละคนเขียนคนละช่วง  แต่เนื้อหาล้วนแต่เป็นเรื่องเดียวที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้า 2 ทธ 3:1-7 ประเทศไทยทุกวันมีคนที่นับถือศาสนาแค่เปลือกนอกไม่ได้เอาจริงเอาจังกับศาสนา แต่นับถือเงินตราเป็นพระเจ้า ชีวิตคริสเตียนต้องเป็นตัวหนังสือของพระเจ้าให้คนอื่นอ่านเรื่องของพระเยซูในตัวเรา เราต้องเป็นภาชนะและเป็นแสงสว่างให้คนอื่นให้ได้รู้จักพระเจ้า ชีวิตจะได้รับพระพรได้เราก็ต้องมีชีวิตที่มีพระเจ้าเช่นเดียวกับประเทศเกาหลีที่รักพระเจ้า พระองค์อวยพรเกาหลีอย่างมาก
3.พระพรในการอธิษฐาน 
         เราต้องติดสนิทกับพระเจ้า พึ่งพาในพระองค์ แล้วพระองค์ทรงเพิ่มเติมสิ่งที่เราต้องการ เพียงแค่ให้เราถ่อมใจลงและแสวงหาพระเจ้า เพราะถ้าเราขาดในการพึ่งพาพระเจ้าเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย 
วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน  2011
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์ศุภชัย  วงศ์ธนาธิกุล
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 22
คำนำ
พระเจ้าทรงมีพระทัยที่ดีเลิศ และพระองค์ทรงเตรียมอาณาจักรของพระองค์ ให้กับผู้ที่เชื่อในพระเจ้าและผู้ที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ เมื่อพระองค์เสด็จกลับมารับเราอีกครั้ง และเราก็จะได้ร่วมโต๊ะกับพระองค์ในอาณาจักรของพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงเลือกชนชาติอิสเอลเป็นชนชาติของพระองค์แต่ชาว ยิวกลับปฏิเสธพระเจ้ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าเราทั้งหลายไม่เชื่อฟัง  พระเจ้าได้ใช้ผู้พยากรณ์มาเผยความจริงของพระเจ้า แต่บุคคลเหล่านี้กลับถูกข่มเหงถูกฆ่าตาย  หลายครั้งผู้เชื่อถูกข่มเหง จนพระเจ้าได้ทรงประทานพระเยซู เพื่อมาไถ่บาปมนุษย์ให้กลับใจเชื่อในพระองค์  เพราะพระองค์ต้องการให้ได้กลับมนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้าเช่นเดียวกับคำอุปมาตอนนี้
บริบท
ในวัฒนธรรมยิว เมื่อจัดเลี้ยงเจ้าภาพจะเชิญแขกสองครั้ง ครั้งแรกจะเชิญแขกให้มาร่วมครั้งที่สองจะแจ้งว่าทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมแล้ว  กษัตริย์ในเรื่องนี้ก็คือพระเจ้า ทรงเชิญแขกถึงสามคนครั้งและทุกครั้งเขาปฏิเสธคำเชิญนั้น พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราร่วมงานเลี้ยงของพระองค์ กับเราทุกคนในอาณาจักรพระองค์      ข้อ 11-12 แต่เมื่อกษัตริย์องค์นั้นเสด็จทอดพระเนตรแขก ก็เห็นผู้หนึ่งได้สวมเสื้อสำหรับงานสมรส ท่านจึงรับสั่งถามเขาว่า `สหายเอ๋ย เหตุไฉนท่านจึงมาที่นี่โดยไม่สวมเสื้อสำหรับงานสมรส' ผู้นั้นก็นิ่งอยู่พูดไม่ออก     เป็นธรรมเนียมว่า แขกที่มาในงานฉลองสมรสจะได้รับเลื้อคลุมสำหรับสวมในงานเลี้ยงการปฏิเสธไม่ยอมสวม เป็นเรื่องเหลือที่จะคิด เท่ากับหยาบคายดูหมิ่นเจ้าภาพ   เจ้าภาพก็ต้องถือว่าคนนั้นหยิ่งคิดว่าตนเองไม่ต้องการ เลื้อคลุมนั้น หรือเขาไม่ต้องการจะมีส่วนในงานฉลองสมรส เสื้อคลุม      สำหรับงานฉลองสมรสเป็นภาพของความชอบธรรมที่ขาดไม่ได้ หากจะเข้าในอาณาจักร หมายถึงการเป็นที่ยอมรับอย่างสมบูรณ์ในสายพระเนตรของพระเจ้า ซึ่งพระคริสต์จะประทานให้กับผู้เชื่อทุกคน พระคริสต์ทรงจัดเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรมสำหรับทุกคน แต่บุคคลแต่ละคนจะต้องเลือกเองจะสวมเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงของกษัตรย์(ชีวิตนิรันดร์)หรือไม่ นี่เป็นการเชื้อเชิญที่เปิดกว้างสำหรับทุกคนแต่เราต้องพร้อมที่จะรับเชิญ   ผู้ที่เชื่อและวางใจในพระเจ้าก็เป็นคนพิเศษของพระองค์ พระองค์จะประทานความชอบธรรมให้ผู้เชื่อทุกคน
วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน  2011                      
แบ่งปันพระพร อาจารย์ ดร.ทะนุ  วงศ์ธนาธิกุล
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 21
คำนำ
วันเฉลิมฉลองการขอบคุณพระเจ้าชาวยิวมีการเลี้ยงไก่งวงเพื่อเป็นสัญลักษณ์การขอบคุณพระเจ้า  แต่ความจริงชีวิตของเรานั้น เราสามารถขอบคุณพระเจ้าได้ทุกเวลา ขอบคุณพระเจ้าสำหรับความบาปที่พระองค์ทรงอภัยให้เรา  บางครั้งเราอาจจะมีคำถามว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร พระองค์ทรงมีวัตถุประสงค์อะไรในชีวิตของเรา และเราเกิดมาไม่ใช่เป็นการบังเอิญ แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรเราก่อนที่เราจะเลือกพระองค์ เพราะพระองค์ต้องการให้เรารู้จักความรักของพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงประทานให้เรา
มัทธิว 21 :12-18
พระเยซูได้เสด็จเข้าไปในเยรูซาเล็มเพื่อต้องการนำคนกลับใจ ขณะที่พระองค์ทรงลาไปนั้น ฝูงชนก็ร้องว่าโฮซันนา แปลว่า  “พระเยซูมาช่วยให้รอด” พระองค์ได้เสด็จเข้าไปที่พระวิหาร ต้องการเข้ามาอธิษฐาน แต่กลับทอดพระเนตรผู้คนกำลังค้าขาย ม้า นกพิราบ พระองค์ได้ขับไล่บรรดาผู้ที่ซื้อขายของกัน และได้คว่ำโต๊ะของผู้รับแลกเงิน พระองค์ได้ตรัสกับคนเหล่านั้น มีคำเขียนไว้ว่า “นิเวศของเราจะได้ชื่อว่านิเวศแห่งการอธิษฐาน” แต่พวกเจ้ามาทำให้กลายเป็น “ซ่อนโจร” ความหมายของโจร คือ มีลักษณะเกียจคร้าน ไม่ทำงานแต่กลับมุ่งที่อยากได้ของคนอื่น  ต้อง การทำลายคนอื่น  พระวิหารของพระเจ้าต้องเป็นสถานที่ ที่เราต้องนมัสการเพื่ออธิษฐาน อย่าให้เป็นสถานที่ เป็นมลทินต่อพระพักตร์ของพระเจ้า  เราต้องมีท่าทีที่ดีต่อพระเจ้าเช่นเดียวกับ คนง่อยกับคนตาบอด
ข้อ14 คนตาบอดและคนง่อยพากันมาเฝ้าพระเยซูเพื่อต้องการให้พระองค์ทรงรักษาเขา และเพื่อให้พระองค์ช่วยชำระความบาปของเขา   เมื่อพระองค์เห็นเช่นนี้แล้วได้ทรงรักษาเขาเพราะความเชื่อ แล้วเราล่ะเราต้องการมาหาพรองค์ในรูปแบบไหน? ที่จะให้พระองค์ทรงพอพระทัยข้อ 18  แล้วพระองค์ทรงละจากเขาเสด็จออกจากกรุงไปยังบ้านเบธานีและประทับที่นั่น ทำไมพระเยซูต้องไปเบธธานี เพื่อไปหา มารีย์ ,มาธา,และลาซารัส สามคนนี้เป็นคนที่รักพระองค์และเขาได้ต้อนรับพระเยซูเสมอ “บ้านเบธธานี” แปลว่า อินทผลัม หรือบ้านเวทนา  เพราะพระองค์ทรงสบายใจที่จะประทับที่นี่  พระองค์ไม่เคยมองข้ามชนชาติไหน ,สิผิวไหน , การศึกษาสูงไหม ฯลฯ  แต่พระองค์ทรงมองที่จิตใจภายใน ให้เราแสงหาพระเจ้าก่อนเหนือสิ่งอื่นใด เพราะพระเจ้าสามารถที่จะช่วยเราได้ และเรายอมให้พระเจ้าอยู่ในชีวิตของเราหรือไม่? เพราะพระองค์ต้องการสร้างเรา
มัทธิว 21:18-22  ขณะที่พระองค์ได้กลับมาจากรุง พระองค์ทรงหิว เห็นมะเดื่ออยู่ที่ริมทางก็ทรงดำเนินใกล้แต่มะเดื่อไม่มีผล  พระองค์ได้ตรัสว่า  “เจ้าอย่าได้มีผลอีกเลย”ทันใดนั้นมะเดื่อก็เหี่ยวไป  พระเยซูทรงแสดถึงความโกรธเกรี้ยวต่อศาสนาที่ไม่มีแก่นสารดุจดังต้นมะกอกเทศ ดูไกลดูดีครั้นมาดูใกล้ไม่มีผล   พระวิหารก็ดูน่าประทับใจ  แต่การถวายบูชาและศาสนกิจต่างๆ กลวงใจ เพราะมิได้กระทำเพื่อนมัสการด้วยความจริงใจ ถ้าเราคิดว่าเรามีความเชื่อ แต่ไม่เคยนำไปใช้ในชีวิต เราก็เป็นเหมือนต้นมะเดื่อเทศที่เหี่ยวแห้งตายไป เพราะไม่มีผลแห่งความเชื่อที่แท้จริง หมายถึง การเกิดผลเพื่ออาณาจักรของพระเจ้า
วันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายน  2011                      
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์วิเศษ สุทธิประภา  
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 20
คำนำ
เมื่อพระองค์ทรงเสด็จไปที่ไหนมักจะมีคนติดตามพระองค์มากมายเพื่อมาฟังคำสั่งสอนของพระองค์ เพราะคำสอนของพระเยซูเป็นเรื่องราวที่ฟังแล้วเข้าใจง่าย  พระองค์มักจะมีคำอุปมาเล่าเพื่อเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายซึ่งต่างกลุ่มพวกฟาริสีฟังแล้วเข้าใจยาก ในพระวจนะคำของพระเจ้า พระเยซูยกคำอุปมาหลายตอนรวมแล้วมีถึง 37 เรื่อง เช่นในพระวจนะของพระเจ้าได้พูดถึง “แผ่นดินของพระเจ้า”    มัทธิว20:1-16
"ด้วยว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเจ้าของบ้านคนหนึ่งออกไปจ้างคนทำงานในสวนองุ่นของตนแต่เวลาเช้าตรู่ ครั้นนั้นเจ้าของสวนได้ตกลงกับลูกจ้างว่าจะจ้างวันละเดนาริอันแล้ว จึงใช้ให้ไปทำงานในสวนองุ่นของเขา  พอเวลาประมาณสามโมงเช้า เจ้าของบ้านก็ออกไปอีก เห็นคนอื่นยืนอยู่เปล่าๆกลางตลาดจึงพูดกับเขาว่า `ท่านทั้งหลายจงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด เราจะให้ค่าจ้างแก่พวกท่านตามสมควร' แล้วเขาก็พากันไป  พอเวลาเที่ยงวันและเวลาบ่ายสามโมง เจ้าของบ้านก็ออกไปอีก ทำเหมือนก่อน ประมาณบ่ายห้าโมงก็ออกไปอีกครั้งหนึ่ง พบอีกพวกหนึ่งยืนอยู่เปล่าๆจึงพูดกับเขาว่า `พวกท่านยืนอยู่ที่นี่เปล่าๆตลอดวันทำไม' พวกเขาตอบเจ้าของบ้านว่า `เพราะไม่มีใครจ้างพวกข้าพเจ้า' เจ้าของบ้านบอกพวกเขาว่า `ท่านทั้งหลายจงไปทำงานในสวนองุ่นด้วยเถิด และท่านจะได้รับค่าจ้างตามสมควร'ครั้นถึงเวลาพลบค่ำเจ้าของสวนองุ่นจึงสั่งเจ้าพนักงานว่า `จงเรียกคนทำงานมาและให้ค่าจ้างแก่เขา ตั้งแต่คนมาทำงานสุดท้าย จนถึงคนที่มาแรก' คนที่มาทำงานเวลาประมาณบ่ายห้าโมงนั้น ได้ค่าจ้างคนละหนึ่งเดนาริอัน   ส่วนคนที่มาทีแรกนึกว่าเขาคงจะได้มากกว่านั้น แต่ก็ได้คนละหนึ่งเดนาริอันเหมือนกัน  เมื่อเขารับเงินไปแล้วก็บ่นต่อว่าเจ้าของบ้านว่า `พวกที่มาสุดท้ายได้ทำงานชั่วโมงเดียว และท่านได้ให้ค่าจ้างแก่เขาเท่ากันกับพวกเราที่ทำงานตรากตรำกลางแดดตลอดวัน' ฝ่ายเจ้าของบ้านก็ตอบแก่คนหนึ่งในพวกนั้นว่า `สหายเอ๋ย เรามิได้โกงท่านเลย ท่านได้ตกลงกับเราแล้ววันละหนึ่งเดนาริอันมิใช่หรือรับค่าจ้างของท่านไปเถิด เราพอใจจะให้คนที่มาทำงานหลังที่สุดนั้นเท่ากันกับท่านเราปรารถนาจะทำอะไรกับสิ่งที่เป็นของเราเองนั้นไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติหรือ ทำไมท่านอิจฉาตาร้อนเมื่อเห็นเราใจดี' อย่างนั้นแหละคนที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนต้น และคนที่เป็นคนต้นจะกลับเป็นคนสุดท้าย ด้วยว่าผู้ที่ได้รับเชิญก็มาก แต่ผู้ที่ทรงเลือกก็น้อย" พระเยซูได้ยกตัวอย่างเพื่อจะสอนเกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้าได้ดังนี้
 ประการที่  1.         ให้เรารีบเร่งทำงานพระเจ้าให้เราช่วยกันประกาศเรื่องราวของพระเยซู เพราะเวลานี้มีหลายคนที่ยังไม่ได้ยินได้ฟังพระกิตติคุณของพระเจ้า  พระเยซูทรงห่วงพระเยซูมนุษย์ทุกคนต้องการให้ที่ทุกคนได้รับความรอด ไม่ต้องการให้ใครพินาศเราต้องเป็นทูตของพระคริสต์ที่จะนำข่าวดีให้ทุกคนได้ฟัง
ประการที่ 2.ไม่ต้องนั่งอิจฉาใคร เพราะการอิจฉาเป็นส่วนหนึ่งของความบาป เพราะสิ่งเหล่าเป็นเครื่องมือของมาร เมื่อเราเห็นคนอื่นได้ดีการต้องรวมยินดีกับเขา  เพราะพระพรของพระเจ้า พระองค์ล้วนให้เราทุกคนเท่าเทียมให้เราก่อกันขึ้นในพระกายของพระคริสต์ ให้เราสนับสนุนให้กันและกัน
ประการที่ 3.เมื่อเรามาหาพระเจ้า เชื่อในพระองค์  เราทุกคนล้วนได้รับพระพรของพระเจ้า  พระองค์จะประทานชีวิตใหม่ให้เราและเราจะมีสิทธิ์เข้าในแผ่นดินสวรรค์ และจะได้รับความรอด
วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน  2011                        
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์ศุภชัย  วงศ์ธนาธิกุล
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 19
คำนำ
ในพระธรรมมัทธิว บทที่ 19 ได้แบ่งออกเกี่ยวพื้นฐานที่สำคัญ 2 ประการ เกี่ยวครอบครัวซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญต่อเราทั้งหลายและยังเป็นพื้นฐานที่จะได้พระพรจากพระเจ้า
1.สามี –ภรรยา
ข้อที่ 3 พวกฟาริสีมาทดลองพระองค์ทูลถามว่า "ผู้ชายจะหย่าภรรยาของตนเพราะเหตุใดๆก็ตาม เป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญัติหรือไม่"  เหตุผลที่ฟาริสีได้ทดลองถามพระเยซู เพราะเหตุที่กษัตริย์เฮโรดได้แย่งภรรยาน้องชายของตน  แต่ในเวลานั้นยอห์นได้เทศนาเรื่องการหย่าร้างให้เฮโรดฟัง ฝ่ายภรรยาของเฮโรดจึงไม่พอใจในการคำเทศนาของยอห์น ดังนั้นจึงได้คิดวางแผนจะตัดหัวยอห์น
ฝ่ายพระเยซูก็ไม่สนพระทัย แล้วกล่าวดังข้อที่ 9 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดหย่าภรรยาของตนเพราะเหตุต่างๆ เว้นแต่เป็นชู้กับชายอื่นแล้วไปมีภรรยาใหม่ก็ผิดประเวณี และผู้ใดรับหญิงที่หย่าแล้วนั้นมาเป็นภรรยาก็ผิดประเวณีด้วย"  พระเยซูทรงไม่เห็นด้วยที่จะให้เราทั้งหลายหย่าร้างกัน เพราะฉะนั้นเราทั้งหลายควรเรียนรู้ที่จะรักซึ่งกัน
2.ลูกชาย – ลูกสาว
ขณะนั้นเขาพาเด็กเล็กๆมาหาพระองค์ เพื่อจะให้พระองค์ทรงวางพระหัตถ์และอธิษฐาน แต่เหล่าสาวกก็ห้ามปรามไว้ ฝ่ายพระเยซูตรัสว่า "จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์ย่อมเป็นของคนเช่นเด็กเหล่านั้น เมื่อพระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนเด็กเหล่านั้นแล้ว ก็เสด็จไปจากที่นั่นในฐานะที่เราทั้งหลายเป็นผู้เชื่อ เราทั้งหลายต้องสอนลูกของเราให้เดินตามพระเยซูคริสต์ ดังในพระธรรมสุภาษิท 22:6 กล่าวว่า จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาจะไม่พรากจากทางนั้น  ดังนั้น พ่อ-แม่จะต้องขยันสอนลูกหลานของเขาให้อยู่ในทางของพระเจ้าเพื่อพวกเขาจะได้เจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณและมีความผาสุขในชีวิต นี่คือสิ่งที่พ่อที่เชื่อฟังพระคัมภีร์ทำ ความ สำคัญของข้อพระคัมภีร์นี้คือเด็ก ๆ จะ ได้รับการเลี้ยงดูและว่ากล่าวตักเตือนให้อยู่ในทางของพระเจ้า
วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม  2011
แบ่งปันพระพร อาจารย์ ดร.ทะนุ วงศ์ธนาธิกุล
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 18
คำนำ
ประการที่ 1. วางใจในพระเจ้า  (1-19)
พระเจ้าต้องการในวางใจในพระองค์เหมือนกับเด็กเล็กๆ การวางใจคือการถ่อมใจลงในการขอ เพราะผู้ที่วางใจในพระบุตจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์ พระเยซูได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและได้ทรงฟื้นขึ้นจากความตายและความตายไม่สามา รถทำอะไรพระองค์ได้ ผู้ที่วางใจในพระเยซูจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์   ให้เราวางใจในพระเยซู อย่าเป็นทาสของความบาปอีกต่อไป อย่าให้ใครมาปราบปรามเราได้ในเรื่องธรรมบัญญัติอีกต่อไปเพราะเราแต่ล่ะคนอยู่ในยุคพระคุณแล้ว
ประการที่2 อย่าดูหมิ่นผู้อื่น (15-20)
                 หากว่าพี่น้องของท่านผู้หนึ่งทำการละเมิดต่อท่าน จงไปแจ้งความผิดบาปนั้นแก่เขาสองต่อสองเท่านั้น ถ้าเขาฟังท่าน ท่านจะได้พี่น้องคืนมาแต่ถ้าเขาไม่ฟังท่าน จงนำคนหนึ่งหรือสองคนไปด้วย ให้เป็นพยานสองสามปาก เพื่อทุกคำจะเป็นหลักฐานได้ถ้าเขาไม่ฟังคนเหล่านั้น จงไปแจ้งความต่อคริสตจักร แต่ถ้าเขายังไม่ฟังคริสตจักรอีกก็ให้ถือเสียว่า เขาเป็นเหมือนคนต่างชาติและคนเก็บภาษีเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า สิ่งใดซึ่งท่านจะผูกมัดในโลก ก็จะถูกผูกมัดในสวรรค์ และสิ่งซึ่งท่านจะปล่อยในโลกก็จะถูกปล่อยในสวรรค์ ”
อย่าดูหมิ่นผู้อื่นเพราะเราต่างก็ได้รับพระคุณพระเจ้าด้วยกันทั้งสิ้นในสายพระเนตรของพระเจ้า  เราเป็นทุกคนเป็นคนพิเศษของพระเจ้า  เราอย่าไปดูหมิ่นและอย่าเปรียบเทียบกับผู้อื่น แต่ให้เราพูดหนุนใจและชมเชยซึ่งกันและกันและเป็นกำลังใจในแก่กัน ให้เราก่อกันขึ้นในพระกายของพระคริสต์
ประการที่ 3 ให้อภัยซึ่งกันและกัน (21-35)
พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงกระทำแก่ท่านทุกคนอย่างนั้น ถ้าหากว่าท่านแต่ละคนไม่ยกโทษการละเมิดให้แก่พี่น้องของท่านด้วยใจกว้างขวาง" พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เรามากมาย พระองค์ได้ทรงอภัยในความผิดบาปแม้ว่าเราไม่คู่ควรจะได้รับแต่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา เมื่อเราทราบว่าพระองค์ทรงมีพระคุณกับเรามากมายแล้ว ให้เราปฎิบัติกับพี่น้องคือให้เราอภัยซึ่งกันและกันเราอย่าซ้ำเติมกันอธิษฐานขอพระเจ้าทรงช่วยเราที่เราจะอภัยกับพี่น้องของเราได้  ผู้เชื่อทุกคนให้เราดำเนินชีวิตอย่างผู้มีชัยชนะและมีใจกล้าหาญในทางที่ถูกต้องเพราะทูตสวรรค์ของพระเจ้าทรงอยู่กับเรา
 พระเจ้าจะช่วยผู้ที่รักพระองค์ให้เกิดผลดีในทุกสิ่ง

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม  2011
แบ่งปันพระพร อาจารย์พิทยา ธานี
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 16:24
คำนำ
    พระธรรมของพระเจ้าในพระธรรม มัทธิวบทที่ 16:24 ได้กล่าวไว้ว่า ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า "ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตของตนรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาจิตวิญญาณของตนกลับคืนมา เหตุว่าบุตรมนุษย์จะเสด็จมาด้วยสง่าราศีแห่งพระบิดา และพร้อมด้วยเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ เมื่อนั้นพระองค์จะประทานบำเหน็จแก่ทุกคนตามการกระทำของตน เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในพวกท่านที่ยืนอยู่ที่นี่ มีบางคนที่ยังจะไม่รู้รสความตาย จนกว่าจะได้เห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในราชอาณาจักรของท่าน"  ในพระธรรมตอนนี้ได้หนุนใจเราทั้งหลายดังนี้
ประการที่ 1  ในการติดตามพระเยซูเราจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ ในพระธรรมตอนนี้ได้หนุนใจเราทั้งหลายในเรื่องการดำเนินชีวิต ว่าการที่เราดำเนินชีวิตของเรานั้นเราจะต้องดำเนินด้วยความเชื่อ ไม่ว่าเราจะเจอกับอุปสรรคอะไร ก็ให้เรายึดมั่นในพระเยซูคริสต์เจ้า เพราะถ้าเราทั้งหลายเชื่อ และยึดมั่นในพระเยซูคริสต์เจ้านั้น
ไม่ว่าเราจะเจอกับปัญหาอะไรมากมาย เราก็จะสามารถผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้ 
ประการที่  2  การอยู่ในทางของพระเจ้า เราต้องเสียสละ  เราทั้งหลายมีแบบอย่างในการเสียสละ นั่นคือพระเยซู พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุดและอยู่ใกล้ที่สุด และนั่นก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย เพราะการเสียสละ เป็นเครื่องบูชาที่พระองค์ทรงพอพระทัย
ประการที่ 3 พระองค์จะประทานบำเหน็จแก่ทุกคนที่รับใช้ เราทุกคนพระเจ้าทรงเรียกจากความมืดสู่ความสว่าง และพระประสงค์ของพระองค์ในเราอยากที่จะรับใช้พระเจ้า โดยการนำความสว่างไปยังคนอื่นๆ  กับคนรอบข้างด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญนั้นก็คือ คือต้องให้พระเจ้าทรงช่วยเราเรื่องของเนื้อหนังก่อน ให้พระองค์ทรงเปลี่ยนใจใหม่ก่อน เพราะพระเจ้าของเราได้บอกว่าให้เราทั้งหลายเรียนรู้ที่จะรับใช้พระเจ้าเพราะวันหนึ่งเราจะต้องยืนอยู่ต่อหน้าพระพักต์พระเจ้า แล้วเราก็ต้องบอกพระองค์ว่าเรารับใช้อะไร
           “ ถ้าเราทั้งหลายอยากให้สังคมของเรา บ้านเมืองของเรา ประเทศของเราเกิดการเปลี่ยนแปลง เราทั้งหลายจะต้องร่วมกันรับใช้ ยอมเสียสละในการรับใช้ แล้วพระเจ้าจะทรงประทานบำเหน็จในแผ่นดินสวรรค์"

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม  2011
แบ่งปันพระพร อาจารย์ ดร.ทะนุ วงศ์ธนาธิกุล
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 18
คำนำ
มัทธิว18:1-2
ในเวลานั้นสาวกทั้งหลายมาเฝ้าพระเยซูและได้เถียงกันว่า 'ใครเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสวรรค์? 'แต่พระองค์ทรงรู้ถึงจิตใจของเขา ทันใดนั้นพระเยซูจึงทรงเรียกเด็กเล็กๆคนหนึ่งมา และให้มายืนท่ามกลางเขาทั้งหลาย  แล้วพระเยซูตรัสว่า 'เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านไม่กลับใจและเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ก็จะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้เลย พระเยซูต้องการให้สาวกถ่อมใจเหมือนกับเด็ก เพราะพระองค์ต้องการให้สาวกเดินตามแบบอย่างพระเยซูด้วยใจถ่อม  และเราจะถ่อมจิตใจเหมือนกับเด็กได้อย่างไร?
ประการที่1. เรียนรู้ในการขอ  (มัทธิว 8:23-27)
ภาพการขอให้พระเยซูช่วย ถ้าเราดูจากพระธรรมตอนนี้แล้ว สาวกของพระเยซูบางคนในที่นี้เป็นชาวประมง ย่อมรู้ดีเกี่ยวกับคลื้น ลม ฟ้า ในอากาศได้ดี แต่สาวกเหล่านี้ขอพระเยซูช่วยเขา  เพราะบางครั้งเราไม่สามารถที่ช่วยตนเองได้ วิธีที่ดีที่สุดคือในเราเรียนรู้ที่จะพึ่งพาในพระเจ้าเพราะพระองค์อยู่เหนือทุกเหตุการณ์ เราอย่ายึดในความสามารถของเรา แต่ให้พระองค์เป็นศูนย์กลางในชีวิตของเรา ถ้าเราให้พระองค์เป็นศูนย์ กลางในชีวิตของเรา เราต้องขอพระองค์ทุกวัน ทุกเวลา  พระองค์ย่อมที่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก เพราะชีวิตของเราเป็นของพระเจ้าและพระองค์ทรงมีแผนงานที่ดีให้กับเราเสมอ อยากให้พี่น้องทราบว่าพระเจ้าทรงรักเรามาก เพราะเราเป็นลูกและเป็นคนพิเศษของพระเจ้า
ประการที่ 2. เรียนรู้ในการวางใจ   ยอห์น 6:28-29
เขาทั้งหลายทูลพระองค์ว่าข้าพเจ้าทั้งหลายจะต้องทำประการใด จึงจะทำงานของพระเจ้าได้พระเยซูตรัสตอบเขาว่างานของพระเจ้านั้น  คือการที่ท่านวางใจในท่านที่พระองค์ทรงใช้มา  ซึ่งเป็นอีกภาพหนึ่ง  
มีหลายคนต้องการติดตามพระเยซู  พระเยซูตรัสว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายตามหาเรามิใช่เพราะได้เห็นการอัศจรรย์นั้น แต่เพราะได้กินขนมปังอิ่ม” พระเยซูไม่ต้องการให้เขาตามพระองค์เพราะสิ่งเหล่านี้ เขาเหล่านั้นได้ทูลพระองค์ว่า..อยากทำงานของพระเจ้า แต่พระเยซูได้ตรัสกับเขาเหล่านั้นว่างานของพระเจ้า คือ การวางใจในพระเจ้า เมื่อเราอธิษฐานกับพระเจ้าเราต้องวางใจในพระองค์ และให้วางใจในทุกปัญหาของเราเพราะไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้ เมื่อใดก็ตามเมื่อเราถ่อมใจลงในการขอกับพระเจ้าและให้พระองค์เป็นศูนย์กลางในชีวิตของเรา นั่นแหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า  และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง   สุภาษิต 3:5
วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม  2011                
แบ่งปันพระพร ศาสนาจารย์วิเศษ สุทธิประภา  
เดินตามแบบอย่างพระเยซูคริสต์         พระธรรม   มัทธิว 17:1-13                   
                ครั้นล่วงไปได้หกวันแล้ว พระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นน้องชายของยากอบ ขึ้นไปบนภูเขา พระองค์ไปที่ไหนมักจะนำสาวก 3 คนที่พระองค์รักพิเศษไปด้วยทุกครั้ง     แล้วท่านล่ะอยากเป็นคนพิเศษของพระองค์หรือเปล่า ?  ถ้าดูในพระวจนะของพระเจ้ายังมีอีก 3 คนที่พระองค์สนิทด้วย เช่น มารธา มารีย์ และลาซารัส ถือว่าเป็นคนที่สนิทของพระเยซู ในช่วงที่ลาซารัสได้ป่วย พระองค์ได้เยี่ยมเขาและตรัสว่าสหายของเราไม่สบาย  พี่น้อง 3 คนนี้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเยซูมากและพระองค์ทรงรักษาลาซารัสให้ฟื้นขึ้นจากความตาย  ความตายไม่สามารถทำอะไรพระองค์ได้ เพราะไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้
พระเยซูได้พาสาวกขึ้นไปบนภูเขา  คำว่าบนภูเขามักจะถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในพระวจนะคำของพระเจ้า เพราะมีเหตุการณ์สำคัญที่พระองค์ได้ทรงกระทำการอัศจรรย์ต่างๆ เช่น ธรรมบัญัติ 10 ประการ , การเผาเครื่องบูชา  ภูเขาในที่นี่คือ เมื่อผู้เชื่อเดินตามแบบอย่างของพระเยซูแล้วพระองค์จะทรงกระทำชีวิตของเราให้สูงขึ้นเหมือนกับภูเขา พระองค์ต้องการให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น เราอย่ามองที่มนุษย์แต่ให้มองที่พระเจ้า เพราะมนุษย์ทำให้เสียใจแต่พระเจ้าจะทำให้เราสูงขึ้น
เมื่อสาวกได้ขึ้นไปถึงบนภูเขาแล้วพระกายของพระองค์ก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา  พระพักตร์ของพระองค์ก็ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่างครั้นนั้นโมเสสและเอลียาห์ก็มาปรากฏแก่พวกสาวกเหล่านั้นกำลังเฝ้าสนทนากับพระองค์น่าจะเป็นไปได้ว่าโมเสสได้สนทนาเกี่ยวกับธรรมบัญญัติส่วนเอลียาห์เป็นตัวแทนของผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า และเป้าหมายทุกอย่างจะสำเร็จได้โดยพระเยซูต้องมาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระเยซูเชื่อฟังพระบิดาพร้อมที่จะยอมตาย ลักษณะความสิ้นพระชนม์ของพระเยซู คือพระเยซูทรงมาตายบนไม้กางเขนเพื่อมาไถ่บาปให้กับมนุษย์ทุกคนให้พ้นจากบึงไฟนรกและได้ประทานชีวิตนิรันดร์ ให้กับผู้เชื่อทุกคน
ฝ่ายเปโตรทูลพระเยซูว่า "พระองค์เจ้าข้าซึ่งพวกข้าพระองค์อยู่ที่นี่ก็ดีถ้าพระ องค์ต้องการแบบนี้พวกข้าพระองค์จะทำพลับพลาสามหลังที่นี่ สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง" เปโตรทูลยังไม่ทันขาดคำ ดูเถิด ก็บังเกิดมีเมฆสุกใสมาปกคลุมเขาไว้ แล้วดูเถิด มีพระสุรเสียงออกมาจากเมฆนั้นว่า "ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านผู้นี้มาก จงฟังท่านเถิด" หน้าที่ของผู้เชื่อคือเชื่อฟังและวางใจในพระเยซูคริสต์ให้พระองค์เป็นที่หนึ่งในชีวิตของเรา และยำเกรงพระเจ้านั่นแหละเป็นน้ำพระทัยของพระองค์    ให้เราติดสนิทกับพระเจ้าตลอดเวลา